SBOTOP: ใกล้เป็นจริง! NBA อาจมีนักบาสฟันค่าจ้าง 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกมในไม่ช้า

SBOTOP: ใกล้เป็นจริง! NBA อาจมีนักบาสฟันค่าจ้าง 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกมในไม่ช้า

โลกของ NBA กำลังเข้าสู่ยุคที่ค่าตัวนักบาสทะยานเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้ เมื่อ Shаі Gilgeous-Alexander ซูเปอร์สตาร์ผู้คว้า MVP ทั้งในฤดูกาลปกติและรอบชิงชนะเลิศ NBA ได้ตกลงเซ็นสัญญา ซูเปอร์แม็กซ์ ฉบับใหม่กับทีม Oklаhоmа City Thundеr โดยมีระยะเวลา 4 ปี พร้อมค่าจ้างที่ทำให้เขาเข้าใกล้การเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์ NBA ที่ได้รับค่าตัวถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเกม อย่างไม่เคยมีมาก่อน

ใกล้แตะระดับ 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกม

ในปีสุดท้ายของสัญญาฉบับนี้ (ฤดูกาล 2030-2031) Gilgeous-Alexander คาดว่าจะได้รับค่าจ้าง ประมาณ 79 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ย ราว 963,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อเกม ซึ่งเป็นตัวเลขที่เข้าใกล้ “เส้นชัยทางการเงิน” ที่วงการบาสอาชีพไม่เคยสัมผัสมาก่อน

ในรายการ First Take ของ ESPN นักวิเคราะห์ชื่อดัง Brian Windhorst ระบุว่า การพุ่งทะยานของเพดานค่าเหนื่อยใน NBA เกิดขึ้นจากสองปัจจัยหลัก ได้แก่ ระบบสัญญา Supermax และการเพิ่มขึ้นของ Salary Cap (เพดานค่าจ้าง) อย่างต่อเนื่อง

จาก Curry ถึง Gilgeous-Alexander: ก้าวกระโดดทางการเงินในรอบทศวรรษ

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 NBA เริ่มใช้ระบบสัญญา ซูเปอร์แม็กซ์ ซึ่งอนุญาตให้ผู้เล่นที่อยู่กับทีมเดิมอย่างน้อย 7-8 ปี และได้รับรางวัลใหญ่ เช่น All-NBA หรือ MVP สามารถเซ็นสัญญาที่เริ่มต้นจาก 35% ของเพดานค่าจ้างทั้งหมด โดย Gilgeous-Alexanderถือเป็นผู้เล่นคนที่ 14 ที่ได้สิทธิ์นี้

หากย้อนดูเส้นทางของสัญญาเหล่านี้ Stephen Curry คือผู้เล่นคนแรกที่ได้รับสัญญา Supermax โดยเริ่มต้นที่ 34.7 ล้านดอลลาร์ต่อปี ใช้เวลา 5 ปีจึงแตะ 40 ล้านดอลลาร์ แต่ปัจจุบัน ค่าเหนื่อยเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยเกิน 10 ล้านดอลลาร์ต่อคลาสสัญญา ด้วยอัตราเร่งที่รวดเร็วอย่างน่าตกใจ

สิ่งนี้เกิดจากสิ่งที่นักวิเคราะห์เรียกว่า “Basketball Inflation” หรือเงินเฟ้อในวงการบาสเกตบอล ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของเงินเฟ้อทั่วไปหลายเท่า

ทีวีดีลใหม่ ดันเพดานเงินเดือนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญคือดีลลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดครั้งใหม่ของ NBA ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลกว่า 76 พันล้านดอลลาร์ ตลอด 11 ปี หรือเฉลี่ย เกือบ 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี เพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่า จากสัญญาก่อนหน้าที่มีมูลค่า 24 พันล้านดอลลาร์

รายได้จากดีลนี้จะหลั่งไหลสู่ลีกในฤดูกาล 2025-2026 และจะส่งผลให้ เพดานค่าจ้าง (Sаlаrу Cap) พุ่งทะยานอีกครั้ง — เปิดทางให้ผู้เล่นในยุคใหม่สามารถทำสัญญา Supermax ระดับประวัติศาสตร์ได้

ใครจะเป็นผู้เล่นคนแรกที่รับ 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกม?

แม้ว่า Gilgeous-Alexander อาจยังไม่ใช่คนแรกที่แตะ 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกม แต่ผู้ท้าชิงรายต่อไปมีแนวโน้มสูง ได้แก่ Anthony Edwards ดาวรุ่งจาก Minnesota Timberwolves ซึ่งมีแนวโน้มเซ็นสัญญา Supermax มูลค่าสูงถึง 345 ล้านดอลลาร์ใน 4 ปี ภายในปี 2027 หรือเฉลี่ย 82 ล้านดอลลาร์ต่อฤดูกาล

นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นดาวรุ่งรุ่นใหม่อย่าง Cade Cunningham, Evan Mobley, Scottie Barnes, Alperen Sengun, Franz Wagner, Chet Holmgren, Jalen Williams, Paolo Banchero รวมถึง Victor Wembanyama ที่ต่างมีศักยภาพและโอกาสก้าวสู่สัญญาระดับประวัติศาสตร์

มูลค่านักกีฬาและมูลค่าทีมเติบโตควบคู่

Kevin Pelton จาก ESPN เคยวิเคราะห์ไว้ตั้งแต่ปี 2016 ว่า เมื่อมูลค่าสัญญานักกีฬาเพิ่มขึ้น มูลค่าของแฟรนไชส์ก็เพิ่มตามไปด้วย ตัวอย่างชัดเจนคือในปี 2014 เมื่อ LeBron James กลับสู่ Cleveland และเซ็นสัญญาใหม่กับ Cavaliers มูลค่าของแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นกว่า 100-150 ล้านดอลลาร์ ในเวลาอันสั้น

NBA ใกล้ก้าวสู่ยุคใหม่แห่ง “เงินล้านต่อเกม”

วงการ NBA ไม่เพียงแต่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคของผู้เล่นที่มีศักยภาพทางร่างกายและเทคนิคสูงที่สุดเท่านั้น แต่ยังเป็นยุคที่มูลค่าทางเศรษฐกิจพุ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์กีฬาอาชีพ

ด้วยรายได้จากดีลถ่ายทอดสดมหาศาล, โครงสร้างสัญญาแบบ Supermax, และความต้องการของตลาดที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง — คำว่า “นักบาสค่าจ้าง 1 ล้านดอลลาร์ต่อเกม” กำลังจะกลายเป็น เรื่องปกติใหม่ (new normal) ใน NBA ไม่ช้าก็เร็ว

อ่านด้วย :