เรอัล มาดริด ยังคงเดินหน้าคว้าชัยอย่างต่อเนื่องในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 หลังเปิดรังซานติอาโก เบร์นาเบวเฉือนเอาชนะยูเวนตุสไปได้แบบหวุดหวิด 1-0 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น)
แม้ผลการแข่งขันจะดูเหมือนเป็นเกมที่ “ราชันชุดขาว” ควบคุมได้ทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงแล้วชัยชนะนี้ไม่ได้มาง่ายเลย เพราะเกมนี้เต็มไปด้วยการต่อสู้เชิงแท็กติกที่เข้มข้น และความพยายามสุดกำลังของทั้งสองทีม โดยเฉพาะแนวรับของยูเวนตุสที่เล่นได้อย่างมีระเบียบจนทำให้แนวรุกของมาดริดต้องหาทางเจาะอยู่นาน
ครึ่งแรกอึดอัด แม้เรอัล มาดริดครองบอลเหนือกว่า
ลูกทีมของชาบี อลอนโซเริ่มเกมได้อย่างดุดันและพยายามกดดันยูเวนตุสตั้งแต่ต้น แต่แม้จะมีโอกาสยิงมากถึงเกือบ 15 ครั้งในครึ่งแรก พวกเขากลับเจาะแนวรับที่นำโดย เบรเมอร์ และ ดานิโล ไม่เข้า แถมผู้รักษาประตู มิคเคเล ดิ เกรกอริโอ ยังงัดฟอร์มสุดยอด เซฟได้หลายจังหวะสำคัญ
น่าสนใจว่าผู้เล่นที่สร้างโอกาสมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกกลับเป็น เอแดร์ มิลิเตา กองหลังของทีม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาดริดต้องใช้ทุกทางในการพยายามเจาะแนวรับของทีมเยือน
วินิซิอุส จูเนียร์ จุดประกาย – เบลลิงแฮม ซัดประตูชัย
ครึ่งหลังกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเกม เมื่อวินิซิอุส จูเนียร์ โชว์ความเร็วและเทคนิคเฉพาะตัวที่แฟนบอลคุ้นเคย เขาพาบอลทะลุแนวรับของยูเวนตุสอย่างสวยงาม ก่อนยิงบอลไปชนเสา บอลกระเด้งออกมาเข้าทางของจู๊ด เบลลิงแฮม ที่ไม่พลาดซ้ำจ่อ ๆ ส่งบอลตุงตาข่าย
แม้จะไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่บทบาทของวินิซิอุสถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเขาคือจุดเริ่มต้นของจังหวะทำประตูที่ตัดสินเกมนี้ การเคลื่อนไหวของเขาทำให้แนวรับยูเวนตุสเสียสมาธิ และเปิดพื้นที่ให้เบลลิงแฮมเข้ามาปิดบัญชีได้อย่างเฉียบคม
พลังของ “ราชันชุดขาว” ยังมาจากความสามารถเฉพาะตัว
ผลงานในเกมนี้ตอกย้ำว่าความอันตรายของเรอัล มาดริด ไม่ได้อยู่ที่ระบบเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากความสามารถส่วนบุคคลของผู้เล่นระดับโลก โดยเฉพาะแนวรุกอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์, คีเลียน เอ็มบัปเป้ และ เบลลิงแฮม ที่สามารถสร้างความแตกต่างได้ในทุกสถานการณ์
แฟนบอลต่างมองว่านี่คือภาพที่คุ้นเคยจากยุคคาร์โล อันเชล็อตติ — มาดริดที่อาจไม่ได้เล่นสมบูรณ์แบบตามตำรา แต่มี “ผู้ชนะ” อยู่ในสนามหลายคนที่พร้อมตัดสินเกมได้เสมอ
ชาบี อลอนโซ ยอมรับยังไม่สมบูรณ์ แต่มั่นใจทีมกำลังมาถูกทาง
หลังจบเกม อลอนโซเปิดใจยอมรับว่าทีมของเขายังต้องปรับปรุงอีกมาก โดยเฉพาะเรื่องความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย แม้มาดริดจะมีโอกาสยิงมากถึงเกือบ 30 ครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นประตูได้เพียงลูกเดียว
“เรามีช่วงเวลาที่ดีมาก แต่ต้องเรียนรู้ที่จะปิดเกมให้ได้เร็วขึ้น” อลอนโซกล่าว “ทีมกำลังเติบโตและเริ่มเข้าใจระบบมากขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ก่อนเราจะเจอศึกใหญ่ในเอล กลาซิโก้สุดสัปดาห์นี้”
ชัยชนะสุดสำคัญก่อนเอล กลาซิโก้
ผลชนะเหนือยูเวนตุสครั้งนี้ช่วยให้เรอัล มาดริดเก็บชัยชนะสามนัดรวดในรอบแบ่งกลุ่มยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และรักษาสถิติไร้พ่ายในบ้านต่อเนื่อง ขณะที่ยูเวนตุสต้องกลับไปทบทวนฟอร์ม หลังยังไม่สามารถคว้าชัยได้เลยในสามนัดแรก
นอกจากจะเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกทีมของอลอนโซแล้ว ชัยชนะนี้ยังถือเป็นแรงกระตุ้นชั้นดี ก่อนที่เรอัล มาดริดจะต้องลงสนามในศึก “เอล กลาซิโก้” ปะทะบาร์เซโลนาในสุดสัปดาห์นี้ — เกมที่อาจเป็นบทพิสูจน์สำคัญของทีมว่าพวกเขาพร้อมกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในยุโรปและสเปนอีกครั้งหรือไม่
อ่านด้วย :
