คิลิยัน เอ็มบัปเป้ ยอดดาวยิงชาวฝรั่งเศส สร้างผลงานอันน่าทึ่งในฤดูกาลแรกของเขากับเรอัล มาดริด ด้วยการยิงไปถึง 39 ประตู พร้อมกับจ่ายบอลทำประตูได้อีก 5 ครั้ง จากการลงเล่นทั้งหมด 53 นัดในทุกรายการ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในทีมภายใต้การคุมทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเอ็มบัปเป้กลับมาพร้อมกับเงาของความกดดันที่ส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของ วินิซิอุส จูเนียร์ ปีกดาวรุ่งชาวบราซิล ซึ่งผลงานฤดูกาลนี้ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยวินิซิอุสทำไป 20 ประตู และ 16 แอสซิสต์ เทียบกับฤดูกาลก่อนที่เขาทำได้ถึง 25 ประตูและ 12 แอสซิสต์
ความเปลี่ยนแปลงนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตบอล เนื่องจากวินิซิอุสเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในปี 2022/23 ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขา
คำถามที่เกิดขึ้นคือ: การมาของเอ็มบัปเป้ ส่งผลกระทบต่อบทบาทของวินิซิอุสหรือไม่?
SBOTOP Thailand – ทั้งสองมีตำแหน่งการเล่นและสไตล์คล้ายคลึงกันมาก โดยทั้งคู่เป็นนักเตะที่เล่นฝั่งซ้ายและมีความเร็วพร้อมความคล่องแคล่วสูง แต่สไตล์ของพวกเขาเป็นการบุกทะลวงที่เน้นการสร้างโอกาสจากริมเส้น ทำให้โค้ชอันเชล็อตติต้องปรับแท็กติกในบางนัดเพื่อให้ทั้งคู่ลงสนามพร้อมกันได้
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยทีมยังคงขาดความสมดุลในแนวรุกจากการที่ทั้งสองนักเตะยังไม่สามารถเล่นร่วมกันอย่างลงตัวได้
สถิติเปรียบเทียบระหว่างเอ็มบัปเป้และวินิซิอุส
ในศึกลา ลีกา เอ็มบัปเป้ยิงไปแล้ว 28 ประตู พร้อมทำอีก 3 แอสซิสต์จาก 32 นัด ถือเป็นดาวซัลโวของลีกในขณะนี้ นอกจากความสามารถในการทำประตูแล้ว เขายังมีบทบาทสำคัญในการสร้างแรงกดดันและเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีม
ส่วนวินิซิอุสซึ่งลงเล่น 28 นัดในลา ลีกา ยิงไป 11 ประตู พร้อม 7 แอสซิสต์ แม้ว่ายังมีส่วนร่วมกับเกมโดยรวมได้ดี แต่ตัวเลขเหล่านี้ถือว่าต่ำกว่าที่แฟนบอลคาดหวังไว้เมื่อเทียบกับฟอร์มเดิมที่เคยทำได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลก่อน
ปัญหาความซ้ำซ้อนในตำแหน่ง
เอ็มบัปเป้และวินิซิอุสต่างก็มีจุดแข็งที่คล้ายกัน เช่น ความเร็ว การเลี้ยงบอลที่น่าตื่นเต้น และความสามารถในการจบสกอร์จากริมเส้นฝั่งซ้าย ทำให้เมื่อทั้งคู่ต้องเล่นพร้อมกันในทีมเดียวกัน จะเกิดความทับซ้อนในบทบาทและพื้นที่ทำเกม ซึ่งเป็นสาเหตุให้ทั้งสองต้องแย่งชิงตำแหน่งและจังหวะการเล่น
ฟาบิโอ คัปเปลโล อดีตนักวิเคราะห์ฟุตบอลชื่อดังให้ความเห็นว่า ทั้งเอ็มบัปเป้และวินิซิอุสเหมาะกับการเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายมากกว่าการเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวกลางหรือปีกขวา ดังนั้น เมื่อเล่นพร้อมกันหนึ่งในนั้นจึงต้องปรับตัวไปเล่นในพื้นที่ที่ไม่ถนัด ส่งผลให้ประสิทธิภาพโดยรวมของทีมลดลง
ความท้าทายของโค้ชอันเชล็อตติ
คาร์โล อันเชล็อตติ โค้ชผู้มีประสบการณ์สูง และขึ้นชื่อเรื่องการจัดการอีโก้ของนักเตะและสร้างความสามัคคีในทีม ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการหาสูตรที่ลงตัวเพื่อให้เอ็มบัปเป้และวินิซิอุสเล่นร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ขัดแย้งกัน
ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา อันเชล็อตติได้ทดลองแท็กติกและแผนการเล่นหลายรูปแบบ ตั้งแต่ระบบ 4-3-3 โดยให้เอ็มบัปเป้เล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง หรือการปรับเป็น 4-4-2 ที่วินิซิอุสจะเล่นในตำแหน่งปีกซ้ายอย่างชัดเจน
แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีแผนการเล่นไหนที่สามารถรวมพลังของทั้งสองให้ทำงานได้อย่างกลมกลืนในทุกเกมใหญ่ แถมหลายครั้งที่เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่ยังไม่เข้าขาร่วมกันดีเท่าที่ควร
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์: ความหวังของการรวมดาว
แม้จะมีเสียงวิจารณ์และความสงสัยมากมาย แต่ยังมีความหวังว่าเอ็มบัปเป้และวินิซิอุสจะสามารถสร้างความกลมกลืนและผนึกกำลังกันได้ในอนาคต เอ็มบัปเป้เองเคยให้สัมภาษณ์กับ ESPN ว่า เขา “ไม่สามารถจินตนาการถึงเรอัล มาดริดโดยไม่มีวินิซิอุส”
ในขณะที่วินิซิอุสก็ไม่เคยแสดงท่าทีไม่พอใจหรือมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมอย่างเปิดเผย เขายังคงรักษาความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มที่ แม้ว่าฟอร์มการเล่นจะไม่ถึงระดับสุดยอดเหมือนฤดูกาลที่ผ่านมา
การรวมตัวของสองนักเตะที่มีความเร็วและความสามารถเฉพาะตัวสูง ถือเป็นความฝันของโค้ชทุกคน เพราะหากปรับจูนให้เข้ากันได้ดีแล้ว พวกเขาจะกลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่ยากจะหยุดในเกมรุกของเรอัล มาดริด
ฤดูกาลนี้จึงถือเป็นช่วงเวลาของการปรับตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเอ็มบัปเป้ ที่ต้องเรียนรู้และเข้ากับสไตล์การเล่นของเรอัล มาดริดและเพื่อนร่วมทีม
อนาคตของทีมในฤดูกาลหน้าก็ยังน่าติดตามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวลือที่ว่า “ซาบี อลอนโซ” อดีตกัปตันทีมชุดแชมป์และโค้ชดาวรุ่ง อาจเข้ามาคุมทีม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโค้ชย่อมหมายถึงการเปลี่ยนแปลงแท็กติก และอาจเป็นโอกาสดีที่เอ็มบัปเป้และวินิซิอุสจะได้ประสานงานกันอย่างลงตัวมากขึ้น
อ่านด้วย :