เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันคนปัจจุบัน ได้ย้อนรำลึกถึงหนึ่งในช่วงเวลาที่ยากที่สุดในอาชีพของเขา—ช่วงที่รับหน้าที่คุมบังเหียนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังการอำลาของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานผู้พาทีมประสบความสำเร็จยาวนานกว่า ดูอา เดคาเด. มอยส์ยอมรับตรงไปตรงมาว่า ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา เขารู้ทันทีว่าภารกิจนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะพลิกฟื้นได้ภายใน waktuสั้น ๆ เลย
ความยากลำบากที่ตกทอดหลังเฟอร์กูสันอำลา
เฟอร์กูสันประกาศเกษียณในปี 2013 และหลังจากนั้นตลอด 12 ปีที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ยังไม่สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกเลย การเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมหลายยุคสมัยยังไม่สามารถพาทีมกลับสู่รากเหง้าความยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งตอกย้ำคำพูดของมอยส์ที่ว่า “ปัญหานั้นไม่มีทางแก้กันได้เร็ว ๆ”
มอยส์ ซึ่งตอนนั้นเพิ่งแยกทางกับเอฟเวอร์ตันเพื่อรับงานใหญ่ที่สุดในอาชีพ ต้องเผชิญความคาดหวังสูงลิ่วจากแฟนบอล จนท้ายที่สุดเขาถูกปลดกลางฤดูกาล หลังทำทีมหลุดไปอยู่เพียงอันดับที่ 7 ซึ่งถือเป็นหนึ่งใน โพซิซี เตร์บูรุก บากี MU ปาดา ยุคพรีเมียร์ลีก
มอยส์รู้ทันทีว่าไม่ใช่เรื่องง่าย
ในบทสัมภาษณ์กับ Daily Mail มอยส์กล่าวว่า:
“ตั้งแต่วันแรกที่ผมก้าวเข้าไป ผมรู้เลยว่ามันต้องใช้เวลา ไม่ใช่สิ่งที่จะแก้ได้อย่างรวดเร็ว”
เขายังชี้ให้เห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงพลังของคู่แข่งร่วมลีกที่กำลังพัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงเวลาเดียวกัน
“แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี และอาร์เซนอล—ทุกทีมกำลังเสริมทัพและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นมีผลอย่างมาก”
คำถามสำคัญ: มอยส์ควรได้รับเวลาเพิ่มหรือไม่?
เมื่อเวลาผ่านไป แฟนบอลและสื่อจำนวนไม่น้อยเริ่มตั้งคำถามว่า หากมอยส์ได้รับโอกาสและเวลามากกว่านั้น สถานการณ์ของแมนยูอาจแตกต่างออกไปหรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อเห็นความล้มเหลวของผู้จัดการทีมหลายคนหลังยุคนั้น
มอยส์ ซึ่งมีผลงานยอดเยี่ยมถึง 11 ปีในฐานะกุนซือเอฟเวอร์ตันยุคแรก ต้องสร้างชื่อเสียงของตัวเองขึ้นใหม่หลังเหตุการณ์ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เขาผ่านหลายสโมสร ทั้งเรอัล โซเซียดัด, ซันเดอร์แลนด์, เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (สองครั้ง) และล่าสุดกลับมาคุมเอฟเวอร์ตันอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ยินใครบอกกับผมโดยตรงหรอกว่า ‘คุณควรได้เวลาเพิ่ม’ แต่ผมได้ยินจากแฟนบอล ได้ยินจากนักข่าว และได้ยินจากหลาย ๆ คนตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
การยอมรับความจริงและเดินหน้าต่อ
แม้จะมีความรู้สึกว่าหลายอย่างไม่เป็นใจ แต่มอยส์ไม่เคยปิดบังความจริงว่าการคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือความท้าทายที่เกินคาดและเต็มไปด้วยความกดดันมหาศาล
“ทุกอย่างในตอนนั้นมันไม่ลงตัว และมีหลายปัจจัยที่ทำให้มันไม่ประสบความสำเร็จ ผมหวังว่ามันจะออกมาดีกว่านั้น แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง”
มอยส์ยอมรับว่าตอนนี้ทุกอย่างได้กลายเป็นอดีตที่ไกลออกไปเรื่อย ๆ แต่ก็ยังเป็นบทเรียนสำคัญที่หล่อหลอมให้เขากลับมาแข็งแกร่งขึ้นในเส้นทางผู้จัดการทีม
อ่านด้วย :