เจมี คาร์ราเกอร์ ตำนานลิเวอร์พูลและนักวิเคราะห์ชื่อดัง ออกมาขอโทษ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อย่างเป็นทางการ หลังเคยใช้คำว่า “ความน่าอับอาย” วิพากษ์พฤติกรรมของดาวยิงทีมชาติอียิปต์ ภายหลังเหตุการณ์ดราม่าที่เกิดขึ้นช่วงท้ายเกมเสมอ ลีดส์ ยูไนเต็ด 3-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นกระแสใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ จนทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองซึ่งเป็นบุคคลที่นับถือกันมานานถูกจับตามองเป็นพิเศษ
จุดเริ่มต้นดราม่า: คาร์ราเกอร์ไม่พอใจการให้สัมภาษณ์ของซาลาห์
เมื่อวันจันทร์ คาร์ราเกอร์ได้ออกมาพูดผ่าน Sky Sports ถึงการสัมภาษณ์ของซาลาห์หลังเกมที่เอลแลนด์ โรด โดยเขามองว่าท่าทีของซาลาห์ไม่ให้ความเคารพต่อทีมและผู้จัดการอย่างเพียงพอ ทำให้แฟนบอลจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกใจ
ซาลาห์เองแสดงอารมณ์ไม่พอใจในสนามและในพื้นที่มิกซ์โซน เนื่องจากตำแหน่งตัวจริงของเขาในทีมเริ่มไม่แน่นอนในยุคของ อาร์เน่ สลอต ความตึงเครียดนี้ยิ่งถูกขยายเมื่อสื่ออังกฤษต่างรายงานว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกุนซือชาวดัตช์เริ่มสั่นคลอน
ซาลาห์หลุดโผเกมเยือนอินเตอร์—ลิเวอร์พูลยังชนะได้
สถานการณ์ดราม่ายิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อในวันอังคาร ลิเวอร์พูลต้องบุกเยือนอินเตอร์ มิลานในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก แต่สลอตกลับตัดสินใจ ไม่ใส่ชื่อซาลาห์แม้กระทั่งเป็นตัวสำรอง
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลยังคว้าชัยชนะได้ 1-0 จากจุดโทษของ โดมินิค โซบอสไล ในนาทีที่ 88 ถือเป็นชัยชนะสำคัญในช่วงเวลาที่ผลการแข่งขันก่อนหน้านี้ยังไม่น่าประทับใจนัก ผลงานดังกล่าวทำให้อารมณ์ของทีมดีขึ้นและลดแรงกดดันต่อสลอตอย่างมาก
คาร์ราเกอร์ขอโทษ—แต่ยังมี “ข้อแม้”
หลังจบเกม คาร์ราเกอร์ได้ออกมาพูดผ่านรายการของ CBS Sports ซึ่งเขาร่วมทำหน้าที่วิเคราะห์เกมอินเตอร์–ลิเวอร์พูล ช่วงท้ายรายการ เขาตัดสินใจใช้โอกาสนี้เพื่อขอโทษซาลาห์อย่างตรงไปตรงมา
“โม… ฉันขอโทษถ้าคำพูดของฉันทำให้นายไม่สบายใจ ฉันรักนายในฐานะนักเตะของลิเวอร์พูล แต่บางครั้งนายต้องควบคุมพฤติกรรมนอกสนามให้ดีกว่านี้”
คาร์ราเกอร์กล่าวอย่างจริงใจ
แม้จะเป็นการขอโทษ แต่ก็ยังมีน้ำเสียงที่ต้องการให้ซาลาห์ทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งสะท้อนว่าแม้คำพูดจะถูกลดทอนความรุนแรงลง แต่คาร์ราเกอร์ยังยืนกรานในหลักคิดเดิมว่า “สิ่งที่ซาลาห์ทำไม่เหมาะสม”
เพื่อนร่วมรายการอย่าง ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ก็ได้จับมือกับคาร์ราเกอร์และยืนยันว่าการขอโทษนี้เป็นเรื่อง “จริงใจและสมควรทำ”
คาร์ราเกอร์ยังชมทีม—ชัยชนะนี้สำคัญต่อสลอต
ภายหลังการขอโทษ คาร์ราเกอร์ยังพูดถึงผลงานของลิเวอร์พูลว่า
ชัยชนะเหนืออินเตอร์คือชัยชนะที่ “สำคัญที่สุด” นับตั้งแต่สลอตเข้ามาคุมทีม
เขากล่าวว่า
“ผมอยากเห็นลิเวอร์พูลชนะทุกครั้งที่ลงสนาม โดยเฉพาะคืนนี้ เพราะผู้จัดการทีมต้องเผชิญแรงกดดันหนักมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นี่คือผลการแข่งขันที่เขาต้องการมากที่สุด และผมดีใจแทนเขาอย่างสุดใจ”
คาร์ราเกอร์ยังเสริมว่าแม้ฤดูกาลนี้จะมีอุปสรรคมากมาย แต่สลอตยังสามารถพาทีมเก็บชัยชนะแบบมีคุณภาพได้ และจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรนักเตะที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะในช่วงที่นักเตะอย่างซาลาห์ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด
ซาลาห์จะกลับมาเมื่อไหร่? สถานการณ์ยังไม่แน่นอน
คำถามใหญ่สำหรับแฟนบอลลิเวอร์พูลคือ ซาลาห์จะกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีกนัดพบไบรท์ตันหรือไม่ในวันเสาร์นี้
จนถึงตอนนี้ สโมสรยังไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนเกี่ยวกับสถานะความฟิตหรือสถานการณ์ของเขากับทีม แต่สิ่งที่แน่นอนคือ ซาลาห์จะต้องเดินทางไปร่วมศึกแอฟริกัน คัพ ออฟ เนชันส์ 2025 ในวันที่ 15 ธันวาคม ทำให้เวลาที่เขาจะช่วยทีมในเดือนนี้ค่อนข้างจำกัด
บทสรุป: ดราม่าที่สะท้อนแรงกดดันในลิเวอร์พูลยุคใหม่
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นความขัดแย้งระหว่างนักวิเคราะห์กับนักเตะเท่านั้น แต่ยังสะท้อนแรงกดดันภายในทีมลิเวอร์พูลในยุคที่กำลังเปลี่ยนถ่ายโครงสร้างการเล่นและบทบาทของนักเตะตัวหลัก
คาร์ราเกอร์เลือกขอโทษ แม้จะยังมี “เงื่อนไข” ในคำพูด นั่นแสดงให้เห็นว่าบรรยากาศรอบทีมตึงเครียดเพียงใด ขณะเดียวกัน ซาลาห์เองก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ต้องพิสูจน์ฟอร์มและความมุ่งมั่นในยุคของผู้จัดการทีมใหม่
ไม่ว่าจะอย่างไร ดราม่านี้กลายเป็นอีกหนึ่งตอนสำคัญในเส้นทางของลิเวอร์พูลฤดูกาล 2025/26 และแฟนบอลทั่วโลกกำลังจับตาดูว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจะคลี่คลายอย่างไรต่อไป
