ศึก “เอล กลาซิโก้” ที่สนามซานติอาโก เบร์นาเบว กลายเป็นฝันร้ายสำหรับบาร์เซโลนา หลังพ่ายให้กับเรอัล มาดริด 1-2 ในเกมสุดร้อนแรงเมื่อคืนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ตามมาหลังจบแมตช์กลับกลายเป็นประเด็นร้อนในห้องแต่งตัว เมื่อราฟินญา ปีกชาวบราซิล ออกโรงตำหนิเพื่อนร่วมทีมอย่างลามีน ยามาลแบบไม่เกรงใจ
ชัยชนะของมาดริดทำให้ช่องว่างบนตารางคะแนนลาลีก้าเพิ่มเป็น 5 คะแนนเต็ม บาร์ซ่าซึ่งกำลังต้องการแต้มสำคัญเพื่อไล่จี้กลับพลาดอีกครั้ง และดูเหมือนว่าความพ่ายแพ้ครั้งนี้ไม่ได้มาจากปัจจัยในสนามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “คำพูดก่อนเกม” ที่สร้างแรงกระตุ้นให้กับคู่แข่งอีกด้วย
คำพูดที่จุดชนวน “เอล กลาซิโก้”
ก่อนเกมเริ่มไม่กี่วัน ลามีน ยามาล ปีกดาวรุ่งวัย 18 ปี ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ Kings League ตอน “Chup Chup” ซึ่งจัดโดยเจอราร์ด ปีเก้ อดีตกองหลังบาร์เซโลนา โดยยามาลกล่าวถึงเรอัล มาดริดว่าเป็น “ทีมที่ชอบขโมยและชอบบ่น” — คำพูดที่ดูเหมือนจะจุดไฟในหัวใจนักเตะฝั่งราชันชุดขาว
หลังคำพูดนั้นถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย แฟนบอลและสื่อมวลชนต่างจับตามองว่า มันอาจกลายเป็นเชื้อไฟในเกมใหญ่ และจริงอย่างที่คาด เรอัล มาดริดลงสนามด้วยความมุ่งมั่นเต็มร้อย ขณะที่นักเตะบาร์เซโลนาดูจะขาดสมาธิและความมั่นใจ
ราฟินญาไม่ทน! จวกยามาลขาดวุฒิภาวะ
ราฟินญา ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้เล่นซีเนียร์ของทีม ออกมาให้สัมภาษณ์หลังเกมด้วยความไม่พอใจ เขามองว่าคำพูดของยามาลก่อนเกมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งคือทีมอย่างเรอัล มาดริด
“เขายังเด็กและยังไม่เข้าใจผลของสิ่งที่พูดออกไป มันทำให้เรอัล มาดริดมีแรงจูงใจมากขึ้น ผมคิดว่าเขาควรเรียนรู้ที่จะพูดให้น้อยลง และแสดงออกในสนามให้มากขึ้น” — ราฟินญากล่าวหลังเกม
นักเตะวัย 27 ปีรายนี้ยังเสริมว่า บาร์เซโลนาในช่วงเวลานี้ควรโฟกัสที่ผลงานในสนามมากกว่าการพูดหรือ挑衅คู่แข่งผ่านสื่อ เพราะทุกคำพูดอาจย้อนกลับมาทำร้ายทีมได้เสมอ
กลายเป็นเป้าหมายของเรอัล มาดริด
สิ่งที่ราฟินญากังวลเกิดขึ้นจริงตลอดเกม เมื่อผู้เล่นของเรอัล มาดริดอย่างดานี การ์บาฆาล และวินิซิอุส จูเนียร์ พยายามกดดันยามาลอย่างหนัก ทั้งทางเทคนิคและทางจิตวิทยา หลังจบเกม กล้องโทรทัศน์ยังจับภาพได้ว่าทั้งคู่ส่งท่าทางล้อเลียนพร้อมทำสัญลักษณ์ “พูดเยอะ” ไปทางยามาล
วินิซิอุสถึงขั้นต้องถูกเพื่อนร่วมทีมกันออกไปเพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย หลังบรรยากาศเริ่มร้อนแรงถึงขั้นเจ้าหน้าที่จากทั้งสองทีมต้องเข้ามาห้ามปราม
สตาฟฟ์โค้ชออกโรงปกป้องยามาล
อย่างไรก็ตาม มาร์คุส ซอร์ก ผู้ช่วยโค้ชของฮันซี่ ฟลิค ออกมาปกป้องยามาล โดยชี้ว่าความกดดันที่เขาเจอนั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับนักเตะดาวรุ่งที่เพิ่งกลับมาจากอาการบาดเจ็บ
“เขายังไม่กลับมาฟิตสมบูรณ์ 100% หลังจากเจ็บไปพักหนึ่ง ต้องใช้เวลาในการปรับจังหวะเกมอีกนิด เขาอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น เราต้องช่วยให้เขาพัฒนา ไม่ใช่โยนความผิดทั้งหมดใส่เขา” ซอร์กกล่าว
สตาฟฟ์บาร์ซ่ายังย้ำว่า ยามาลเป็นหนึ่งในอนาคตของสโมสร และเหตุการณ์นี้จะเป็นบทเรียนสำคัญให้เขาเติบโตทั้งในฐานะนักเตะและบุคคล
บทเรียนราคาแพงของดาวรุ่ง
แม้ลามีน ยามาลจะเป็นหนึ่งในความหวังของคาตาลันในอนาคต แต่เหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าการอยู่ในสโมสรใหญ่อย่างบาร์เซโลนาต้องรับมือกับแรงกดดันมากเพียงใด คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคสามารถเปลี่ยนบรรยากาศทั้งทีมได้ทันที
ตอนนี้แฟนบอลบาร์ซ่าหลายคนเรียกร้องให้ทีมรวมพลังกลับมาโฟกัสที่สนาม และปล่อยเรื่องนอกเกมไว้ข้างหลัง หากยังอยากมีลุ้นแชมป์ลาลีก้าในฤดูกาลนี้
ความพ่ายแพ้ในเอล กลาซิโก้ไม่ใช่เพียงการเสียสามแต้ม แต่ยังสะท้อนถึงความเปราะบางในทีมบาร์เซโลนา ทั้งในแง่จิตใจและการสื่อสารภายในทีม เหตุการณ์ราฟินญากับยามาลอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ว่าทีมของฮันซี่ ฟลิคจะสามารถจัดการความตึงเครียดภายในได้ดีแค่ไหน
หากบาร์ซ่าสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนี้ พวกเขาอาจกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม แต่ถ้าความแตกแย่ภายในยังดำเนินต่อไป โอกาสไล่ล่าถ้วยลาลีก้าคงเริ่มเลือนลางเต็มที
อ่านด้วย :