เรอัล มาดริด เตรียมเปิดรัง ซานติอาโก้ เบร์นาเบว เพื่อต้อนรับการมาเยือนของ เรอัล มายอร์ก้า ในเกมสัปดาห์ที่ 36 ของศึกลา ลีกา ฤดูกาล 2024/2025 โดยแมตช์สำคัญนี้จะระเบิดศึกขึ้นในคืนวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2025 เวลา 02.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
สำหรับทัพราชันชุดขาว เกมนี้เปรียบเสมือนการต่อสู้นัดชี้เป็นชี้ตาย เพราะผลเสมอหรือแพ้จะเท่ากับการมอบมงกุฎแชมป์ให้กับอริร่วมแคว้นอย่าง บาร์เซโลน่า แบบไม่อ้อมค้อม ด้วยช่องว่าง 7 แต้ม และเหลือการแข่งขันอีกเพียง 3 นัด ชัยชนะเท่านั้นที่ยังพอช่วยยืดอายุความหวังอันริบหรี่เอาไว้ได้อีกสักนิด
หลังจากความพ่ายแพ้สุดเจ็บปวดต่อ บาร์เซโลน่า ในศึกเอล กลาซิโก้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คาร์โล อันเชล็อตติ และลูกทีมต้องรีบลืมฝันร้ายและหันมามุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่เกมนี้ เป้าหมายไม่ใช่แค่สามแต้ม แต่คือการบีบบังคับให้ บาร์เซโลน่า ต้องออกแรงเหนื่อยในเกมเยือน เอสปันญ่อล ที่จะลงสนามวันถัดไป และนี่คือสงครามสุดท้ายของพวกเขาในศึกลา ลีกา ซีซั่นนี้
รอยแผลจากศึกเอล กลาซิโก้ ที่ยังสดใหม่
ความพ่ายแพ้ในศึกเอล กลาซิโก้ ยังทิ้งบาดแผลลึกไว้ในใจของแฟน ๆ และนักเตะราชันชุดขาว โดยเฉพาะแนวรับที่พังทลายลงถึง 4 ประตูในครึ่งเวลาเดียว แม้ คีเลียน เอ็มบัปเป้ จะโชว์ฟอร์มเทพซัดแฮตทริก ทำให้เขากลายเป็นนักเตะเพียงคนที่สามในศตวรรษนี้ที่ยิงแฮตทริกในเอล กลาซิโก้ ลา ลีกา ได้สำเร็จ แต่ผลงานโดยรวมของทีมยังถือว่าน่าผิดหวัง และไร้ซึ่งความเฉียบขาดในเกมรับที่ควรจะเป็น
หากพวกเขาสะดุดอีกในเกมนี้กับ มายอร์ก้า โอกาสลุ้นแชมป์จะสิ้นสุดลงทันที ไม่มีข้อแม้ ไม่มีช่องโหว่ การคว้าชัยใน เบร์นาเบว จึงกลายเป็นเหมือนเส้นด้ายสุดท้ายที่พวกเขาจะคว้าไว้ ก่อนที่บาร์เซโลน่าจะย้ำชัยชนะในวันถัดไป
แมตช์อำลาของคาร์โล อันเชล็อตติ
เกมนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแชมป์เท่านั้น แต่ยังถือเป็นหนึ่งในสามเกมสุดท้ายของ คาร์โล อันเชล็อตติ บนเก้าอี้กุนซือมาดริด ก่อนโบกมือลาไปรับหน้าที่คุมทีมชาติบราซิลเต็มตัว นักเตะทุกคนจึงต้องการสร้างค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ในรังเหย้าเพื่อส่งมอบความทรงจำสุดท้ายให้เจ้านายที่พวกเขาเคารพ
สถิติในบ้านก็เข้าข้างราชันชุดขาวอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขากวาดชัยในบ้านถึง 14 เกมจาก 17 นัด และยังครองสถิติชนะ มายอร์ก้า ติดต่อกัน 8 เกม พร้อมซัดรวมไปถึง 25 ประตู เป็นหลักฐานความเหนือกว่าที่เห็นได้ชัด
มายอร์ก้า ผู้มาเยือนที่หวังเขย่าพื้นที่ยุโรป
มายอร์ก้า เองก็ไม่ได้มาเป็นเพียงเหยื่อให้เชือด เพราะชัยชนะล่าสุดเหนือ เรอัล บายาโดลิด ช่วยขยับพวกเขาขึ้นมาอยู่อันดับ 9 และยังมีโอกาสเบียดขึ้นไปลุ้นโควต้ายูโรป้าลีก โดยมีคะแนนตามหลัง เซลต้า บีโก้ อันดับ 7 เพียงแค่สองแต้มเท่านั้น
แต่ความหวังนี้ก็ถูกบดบังด้วยสถิติการเล่นนอกบ้านที่ย่ำแย่ เมื่อพวกเขาแพ้ถึง 5 จาก 8 เกมเยือนหลังสุด และการต้องบุกมาเยือน เบร์นาเบว ที่เป็นดั่งป้อมปราการเหล็กของราชันชุดขาว ยิ่งทำให้ภารกิจของพวกเขายากขึ้นเป็นเท่าตัว
มาดริดกับวิกฤตนักเตะเจ็บแต่ยังเปี่ยมเขี้ยวเล็บ
แม้จะอยู่ในช่วงวิกฤตผู้เล่นบาดเจ็บและติดโทษแบน ทั้ง ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, อันโตนิโอ รือดิเกอร์, แฟร์กลองด์ เมนดี้, เอดูอาร์โด้ กามาวินก้า, วินิซิอุส จูเนียร์ และล่าสุด ลูกัส บาสเกซ ที่ต้องพักยาว รวมไปถึง โรดรีโก้ ที่ยังไม่ฟิตสมบูรณ์ และ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ที่ติดโทษแบน แต่ด้วยขุมกำลังที่แข็งแกร่งและเปี่ยมประสบการณ์ของพวกเขา ยังคงทำให้ มาดริด เป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า
แรงกระตุ้นจากศักดิ์ศรีและความต้องการจะยืดเวลาเฉลิมฉลองของบาร์เซโลน่าออกไปอีกเล็กน้อย จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้ มาดริด เล่นด้วยความมุ่งมั่นสูงสุด
ศึกสุดท้ายที่มาพร้อมกับความหวังอันริบหรี่
มายอร์ก้า เองก็มีปัญหานักเตะบาดเจ็บเช่นกัน เมื่อ โมร์ลาเนส และ นาบาร์โร่ ต้องพักยาว และ อับดอน ปราตส์ ยังอยู่ในช่วงเรียกความฟิต ทำให้คุณภาพและขุมกำลังของพวกเขายังดูเป็นรองมาดริดอยู่พอสมควร
แม้ทุกอย่างจะดูเป็นใจให้มาดริด แต่ในเกมฟุตบอลไม่มีอะไรแน่นอน หากพวกเขาประมาท อาจเป็นฝ่ายโดนทีเด็ดสวนกลับของมายอร์ก้าเช่นกัน แต่ด้วยสถิติ, พลังใจจากแฟนบอล และแรงจูงใจจากเกมอำลาโค้ช ทุกอย่างกำลังชี้นำให้ค่ำคืนนี้กลายเป็นเวทีที่ มาดริด จะทุ่มเททุกหยดสุดท้ายของศักดิ์ศรีเพื่อต่อต้านการฉลองแชมป์ของคู่อริให้ยืดยาวออกไปอีกสักนิด
อ่านด้วย :
