การตัดสินใจของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา (Pep Guardiola) อีกครั้งกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตบอล หลังจากที่เขาเลือกเปิดศักราชใหม่ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) โดยเปลี่ยนจากการพึ่งพาความแม่นยำของเท้าจาก เอแดร์ซอน (Ederson) มาสู่ยุคของผู้รักษาประตูคนใหม่ที่มีสไตล์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง — จานลุยจิ ดอนนารุมมา (Gianluigi Donnarumma)
การเปลี่ยนผ่านที่เห็นได้ชัด
ในเกมพรีเมียร์ลีกล่าสุดที่ “เรือใบสีฟ้า” เอาชนะ บียาร์เรอัล ได้เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา การปรับตัวของทีมปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด
ในนาทีที่ 37 ดอนนารุมมาถูกบีบให้ตัดสินใจรวดเร็วภายใต้แรงกดดันจาก จอร์จ มิคาอูตัดเซ (Georges Mikautadze) ทว่าผู้รักษาประตูชาวอิตาเลียนกลับแสดงความนิ่งเฉยและความมั่นใจสูงสุด ด้วยการใช้เท้าซ้ายจ่ายทะลุผ่านแนวเพรสซิ่ง ส่งบอลให้ จอห์น สโตนส์ (John Stones) อย่างแม่นยำ — จังหวะที่ทำให้นึกถึงสไตล์ของเอแดร์ซอนทันที
แม้ดอนนารุมมาจะมีชื่อเสียงในฐานะผู้รักษาประตูสายเซฟ มากกว่าจะเป็น “สวีปเปอร์คีปเปอร์ (Sweeper-Keeper)” แต่เขากลับแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้มีดีแค่การป้องกันประตูเท่านั้น
การเปลี่ยนแปลงในแนวคิดของเป๊ป
เอแดร์ซอนคือหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีบทบาทสูงที่สุดในยุคฟุตบอลสมัยใหม่ ตลอด 372 นัด เขาเก็บได้ถึง 168 คลีนชีต และเป็นผู้รักษาประตูที่มีสถิติ “ป้องกันเกินคาด” สูงสุดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่ผ่านมา โดยช่วยเซฟได้มากกว่าความน่าจะเป็นของประตูถึง 5 ลูก
ด้วยความสามารถในการเล่นบอลด้วยเท้า เอแดร์ซอนทำให้แมนฯ ซิตี้มีเอกลักษณ์ในเกมรุกจากแนวหลังที่ทั้ง แม่นยำ สงบ และเต็มไปด้วยศิลปะของฟุตบอลยุคใหม่
ดังนั้น เมื่อกวาร์ดิโอลาตัดสินใจปล่อยเอแดร์ซอนไป และเลือกดึงดอนนารุมมาจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) แฟนบอลหลายคนต่างรู้สึกประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อสโมสรเพิ่งดึง เจมส์ แทรฟฟอร์ด (James Trafford) กลับมาจากเบิร์นลีย์
แต่เป๊ปมีเหตุผลของเขา — เขาเลือกผู้รักษาประตูที่เพิ่งคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และได้รับรางวัล Yashin Trophy เพราะเขาเห็นศักยภาพมากกว่าตัวเลขสถิติ
รูปแบบการเล่นที่เปลี่ยนไป
การมาของดอนนารุมมาเปลี่ยนโครงสร้างการขึ้นเกมของแมนฯ ซิตี้อย่างเห็นได้ชัด จากข้อมูลฤดูกาลนี้ พบว่าผู้รักษาประตูคนใหม่เลือกส่งบอลยาวถึง 42% ของการจ่ายทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 30.5% ในยุคของเอแดร์ซอน
แม้บางส่วนจะมาจากการที่แทรฟฟอร์ดลงสนามในสามเกมแรก แต่ตัวเลขนี้ก็สะท้อนให้เห็นถึง “การปรับตัวเชิงกลยุทธ์” ที่แท้จริง
อีกความแตกต่างคือเท้าถนัด — ดอนนารุมมาถนัดขวา ในขณะที่เอแดร์ซอนถนัดซ้าย ทำให้ทิศทางของเกมรุกเริ่มต้นจากแนวรับฝั่งซ้ายมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ดอนนารุมมาก็ยังคงแสดงความมั่นใจในการครองบอลภายใต้แรงกดดันได้อย่างยอดเยี่ยม
บางครั้งเขาอาจพลาดเล็กน้อย เช่น จังหวะจ่ายบอลสั้นเกือบพลาดให้ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (Josko Gvardiol) ในเกมชนะเบรนท์ฟอร์ด แต่โดยรวมแล้ว ไม่มีความผิดพลาดที่นำไปสู่การเสียประตูเลย
กวาร์ดิโอลาเลือกจะลดความ “สวยงาม” ลงเล็กน้อย เพื่อแลกกับความ “ปลอดภัย” ที่มากขึ้น และผลลัพธ์คือ ดอนนารุมมาสามารถเก็บคลีนชีตได้ถึง 5 นัดจาก 8 เกมแรก ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม
เส้นทางของผู้รักษาประตูร่างยักษ์
แม้อายุเพียง 26 ปี แต่ดอนนารุมมาก็อยู่ในวงการลูกหนังมานานเกือบหนึ่งทศวรรษ เขาเปิดตัวกับ เอซี มิลาน (AC Milan) ตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี 242 วันในปี 2015 และนับแต่นั้นมา ชื่อของเขาก็ถูกพูดถึงในฐานะ “ว่าที่ผู้สืบทอดตำนานบุฟฟอน”
ในช่วงเวลาที่อยู่กับ PSG เขาโชว์ฟอร์มสุดยอด โดยสามารถ ป้องกันได้มากกว่าความน่าจะเป็นถึง 22 ประตู ทั้งในลีกเอิงและแชมเปียนส์ลีก — สถิติที่พิสูจน์ว่าเขาคือผู้รักษาประตูระดับโลกตัวจริง
ตอนนี้ ผลกระทบนั้นเริ่มเห็นชัดในพรีเมียร์ลีก การปรากฏตัวของเขาในเกมกับอาร์เซนอลและเบรนท์ฟอร์ดช่วยให้แนวรับของซิตี้ดูมั่นคงขึ้นอย่างชัดเจน
“การเซฟของเขามันสุดยอดมาก และมันทำให้พวกเรามั่นใจขึ้นมากในสนาม”
— ทิจจานี เรย์เยนเดอร์ส (Tijjani Reijnders) กล่าวหลังเกมชนะนาโปลีเมื่อเดือนก่อน
การย้ายทีมที่ไม่ได้อยู่ในแผน
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ การย้ายของดอนนารุมมาไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบจะไม่ได้อยู่ในแผนเดิมเลย เขาเคยตั้งใจต่อสัญญากับ PSG แต่เมื่อทีมจากอังกฤษเสนอราคา 26 ล้านปอนด์ (จากเดิมที่ 40 ล้าน) ดีลก็สำเร็จลงอย่างรวดเร็ว
เขาเซ็นสัญญา 5 ปีในระหว่างรับใช้ทีมชาติอิตาลี ก่อนจะบินสู่เมืองแมนเชสเตอร์เมื่อวันที่ 9 กันยายน — เพียง 5 วันก่อนศึกดาร์บีแมตช์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เมื่อเดินทางถึงอังกฤษ เขาใช้เวลาพูดคุยหนึ่งชั่วโมงเต็มกับกวาร์ดิโอลาและผู้อำนวยการกีฬา ฮูโก้ เวียนา (Hugo Viana) ก่อนที่โค้ชชาวสเปนจะตัดสินใจทันทีว่า “นี่คือผู้รักษาประตูที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแผนใหม่ของซิตี้”
ยุคใหม่ของเรือใบสีฟ้าเริ่มต้นแล้ว
การมาของจานลุยจิ ดอนนารุมมา ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนผู้รักษาประตู แต่คือการเปิด “ยุคใหม่” ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เน้นความสมดุลระหว่าง ศิลปะแห่งการครองบอล และ ประสิทธิภาพเชิงป้องกัน
ในมือของเป๊ป กวาร์ดิโอลา ทุกการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ — และตอนนี้ ซิตี้กำลังเดินหน้าเข้าสู่บทใหม่ของฟุตบอลยุคอนาคต ภายใต้การคุมเสาหลักโดย “ยักษ์ใหญ่จากอิตาลี”
อ่านด้วย :
