ลิเวอร์พูลกำลังสร้างความสั่นสะเทือนในตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ปีนี้ หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ ทีมดังจากแอนฟิลด์ไม่รอช้าที่จะเดินหน้าเสริมทัพครั้งใหญ่เพื่อรักษาความแข็งแกร่งและเพิ่มโอกาสในการลุ้นแชมป์ในฤดูกาลถัดไป
ดีลใหญ่เริ่มต้นจาก “ฟลอเรียน เวิร์ตซ์”
หนึ่งในดีลที่สร้างความฮือฮามากที่สุดคือการคว้าตัว ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ มิดฟิลด์ตัวรุกดาวรุ่งของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 125 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 15 ล้านยูโร กลายเป็นการเซ็นสัญญาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสรลิเวอร์พูล
จนถึงขณะนี้ ลิเวอร์พูลใช้เงินไปแล้วมากถึง 307 ล้านยูโร ในการเสริมทัพ โดยมีผู้เล่นใหม่ที่ได้รับการยืนยันอย่าง มิลอส เคอร์เคซ และ ฮูโก้ เอคิติเก้ เข้ามาเติมเต็มขุมกำลัง
แต่เป้าหมายของพวกเขายังไม่จบแค่นั้น เมื่อ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ศูนย์หน้าตัวเก่งของนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด กลายเป็นเป้าหมายหลักรายต่อไป และหากดีลนี้ลุล่วง ตัวเลขการใช้จ่ายของลิเวอร์พูลจะทะยานขึ้นไปถึง 481 ล้านยูโร
แผนกล้าหาญภายใต้การนำของ “อาร์เน่ สลอต”
การมาของ อาร์เน่ สลอต ผู้จัดการทีมคนใหม่ แสดงให้เห็นถึงยุคใหม่ของหงส์แดงที่มีวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่ชัดเจน เขาไม่ได้มาเพื่อประคองทีม แต่ต้องการสร้างทีมใหม่ให้แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม
ดีลของเวิร์ตซ์ถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนนี้ ตามมาด้วยการดึงตัวเคอร์เคซจากบอร์นมัธด้วยค่าตัว 46.9 ล้านยูโร และเอคิติเก้จากแฟรงก์เฟิร์ตในราคา 95 ล้านยูโร
หากสามารถปิดดีลอิซัคได้ในราคา 173 ล้านยูโร ลิเวอร์พูลจะทำลายสถิติการใช้เงินของเชลซีในซัมเมอร์ปี 2023 ที่อยู่ที่ 464 ล้านยูโร อย่างราบคาบ
ลิเวอร์พูลหาเงินจากไหน?
คำถามที่แฟนบอลและสื่อหลายสำนักตั้งขึ้นคือ “ลิเวอร์พูลเอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายอย่างบ้าคลั่งแบบนี้?”
หนึ่งในคำตอบคือการวางแผนทางการเงินอย่างแยบยลของทีมบริหาร โดยลิเวอร์พูลใช้ เงินส่วนเกินจากฤดูกาลก่อน ซึ่งมีรายได้สุทธิราว 5 ล้านยูโร ประกอบกับ การขายนักเตะ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญ
จนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูลได้เงินจากการขายผู้เล่นไปแล้วกว่า 138.3 ล้านยูโร ซึ่งมาจากการปล่อยตัว เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, เคลเลเฮอร์, แน็ต ฟิลลิปส์, และ จาเรลล์ ควานซาห์ รวมถึงดีลของ หลุยส์ ดิอาซ ที่ถูกขายให้บาเยิร์น มิวนิคในราคา 70 ล้านยูโร บวกโบนัสอีก 5 ล้านยูโร
หลังหักลบจากยอดใช้จ่ายสุทธิแล้ว ลิเวอร์พูลอยู่ที่ประมาณ 170.4 ล้านยูโร ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่สูงและอาจเพิ่มขึ้นอีก
นักเตะรายต่อไปที่อาจถูกขาย
แน่นอนว่าหลุยส์ ดิอาซไม่ใช่คนสุดท้ายที่ย้ายออกจากแอนฟิลด์ ยังมีนักเตะหลายรายที่อยู่ในข่ายอาจถูกขายออกเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน
หนึ่งในนั้นคือ ดาร์วิน นูนเญซ ที่แม้จะเคยเป็นดีลราคาแพง แต่หงส์แดงพร้อมเปิดรับข้อเสนอราว 50 ล้านยูโร หากมีทีมที่สนใจจริงจัง โดยมีข่าวว่า นาโปลี ให้ความสนใจ
ส่วน อิบราฮิมา โกนาเต้ ก็เป็นอีกคนที่อาจถูกปล่อยตัว หากการเจรจาเรื่องสัญญาใหม่ไม่คืบหน้า
นอกจากนี้ยังมีรายชื่อผู้เล่นอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, คอสตาส ซิมิกาส, ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์, สเตฟาน บายเซติช, ไปจนถึง เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่อาจจะถูกพิจารณาขาย
จากการประเมินมูลค่าตลาดของนักเตะเหล่านี้รวมกัน อาจสร้างรายได้ให้สโมสรสูงถึง 150-180 ล้านยูโร
ลิเวอร์พูลเดินหมากกล้าเพื่ออนาคต
จากข้อมูลของ The Athletic หากลิเวอร์พูลสามารถขายนักเตะที่ไม่อยู่ในแผนทั้งหมดได้จริงๆ พวกเขาอาจมีรายรับจากการขายสูงถึง 338 ล้านยูโร ซึ่งจะเพียงพอในการสนับสนุนการลงทุนอย่างหนักในตลาดนักเตะ โดยไม่ละเมิดกฎด้านการเงินของยูฟ่า (UEFA Financial Fair Play)
ยุคใหม่ของลิเวอร์พูลภายใต้การนำของอาร์เน่ สลอตจึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่เป็นการปฏิวัติทีมอย่างแท้จริง โดยใช้ทั้งกลยุทธ์การเงิน การตลาด และการมองอนาคตที่เฉียบขาดเพื่อสร้างทีมที่พร้อมต่อกรกับทุกความท้าทายในระดับโลก
อ่านด้วย :