รูดี้ โกแบร์ (Rudy Gobert) เซ็นเตอร์ตัวเก่งของทีม Minnesota Timberwolves ที่เคยคว้ารางวัล ผู้เล่นเกมรับยอดเยี่ยมแห่งปี (Defensive Player of the Year – DPOY) ถึง 4 สมัย ยังคงเดินหน้าไม่หยุดยั้งในการพัฒนาตัวเอง ล่าสุดในช่วงปิดฤดูกาล NBA 2025 เขาตัดสินใจพัฒนาเกมรุกของตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยการฝึกฝนร่วมกับโค้ชยิงชื่อดังระดับโลก คริส แมทธิวส์ (Chris Matthews) หรือที่แฟนบาสรู้จักกันดีในชื่อ Lethal Shooter
ฝึกฝนเพื่ออนาคต: จากเครื่องจักรเกมรับ สู่ผู้เล่นสมบูรณ์แบบสองทาง
แม้จะมีชื่อเสียงในด้านการป้องกันและเป็นกำลังหลักในวงในของ Timberwolves มาโดยตลอด แต่สไตล์การเล่นของโกแบร์ยังคงถูกมองว่าเป็น “เซ็นเตอร์แบบดั้งเดิม” ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับรูปแบบบาสเกตบอลยุคใหม่ที่เริ่มไร้ตำแหน่งชัดเจน (positionless basketball)
เพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของลีกและเพิ่มประสิทธิภาพในเกมรุก โกแบร์จึงร่วมฝึกซ้อมกับ Lethal Shooter ซึ่งเคยเป็นโค้ชให้กับผู้เล่นชื่อดังหลายคน อาทิ Anthony Davis, Domantas Sabonis, Dwight Howard และ Bobby Portis
ในวิดีโอที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดีย Lethal Shooter แสดงให้เห็นถึงการฝึกซ้อม footwork, การอ่านเกม และการยิงด้วยจังหวะที่ลื่นไหล ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้เล่นในทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นสูงใหญ่ที่ต้องรับมือกับแนวรับแบบเปลี่ยนตำแหน่งเร็วของคู่แข่ง
ข้อจำกัดที่เคยมี: โจทย์ที่โกแบร์ต้องเร่งแก้ไข
ที่ผ่านมา เกมรุกของโกแบร์มักถูกวิจารณ์ว่าจำกัดและขาดความอันตรายเมื่อเทียบกับเซ็นเตอร์ระดับท็อปอย่าง Nikola Jokic, Joel Embiid หรือแม้แต่ Davis เอง
ด้วยความที่ไม่สามารถยืนคุมพื้นที่วงนอกได้ดีนัก รวมถึงความเร็วที่ไม่เท่าทันผู้เล่นตำแหน่งการ์ดที่คล่องตัว โกแบร์มักกลายเป็นเป้าหมายในเกมรับของคู่แข่ง ขณะที่ในเกมรุกก็ไม่ได้เป็นอาวุธหลัก นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงถูกวิจารณ์อยู่บ่อยครั้ง โดยเฉพาะจากอดีตตำนานอย่าง Shaquille O’Neal ที่เคยเหน็บเรื่องค่าเหนื่อย 205 ล้านดอลลาร์สหรัฐของเขา
สถิติที่สะท้อนจุดอ่อนในปี 2024-2025
ในฤดูกาลล่าสุด โกแบร์ทำคะแนนเฉลี่ยเพียง 12 แต้มต่อเกม ซึ่งนับว่าเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี ขณะที่อัตราการยิงภายในระยะ 3.1 ฟุตอยู่ที่เพียง 32.4% ซึ่งถือว่ายังไม่ดีพอสำหรับผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์
เพื่อแก้ไขจุดบอดนี้ โกแบร์เลือกที่จะไม่ร่วมศึก EuroBasket 2025 กับทีมชาติฝรั่งเศส และมุ่งหน้าพัฒนาทักษะเกมรุกแทน โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มความแม่นยำบริเวณใต้แป้น และการยิงแบบ floater ซึ่งจะช่วยให้เขามีอาวุธในการทำคะแนนมากขึ้น
เส้นทางใหม่ของโกแบร์: ยกระดับความสามารถรอบด้าน
การพัฒนา footwork, การอ่านเกมอย่างรวดเร็ว และการเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงในระยะกลางถึงใกล้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโกแบร์จาก “ผู้เล่นเกมรับ” ไปสู่ “ผู้เล่นสองทาง” ที่สามารถมีบทบาททั้งรุกและรับได้อย่างสมดุล
หากเขาสามารถปรับเกมรุกให้มีมิติมากขึ้น Timberwolves อาจได้เห็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของโกแบร์ในฤดูกาลที่ 13 ของเขาใน NBA
โกแบร์ในประวัติศาสตร์ NBA
แม้จะมีจุดอ่อนในเกมรุก แต่โกแบร์ก็มีผลงานเกมรับที่น่าประทับใจ และติดทำเนียบผู้เล่นระดับตำนานในลีก เขาเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นในประวัติศาสตร์ NBA ที่คว้ารางวัล DPOY ได้ถึง 4 สมัย เทียบเท่ากับ Dikembe Mutombo และ Ben Wallace
เขายังติดทีม All-Defensive Team ถึง 8 ครั้ง (รวม 7 ครั้งในทีมชุดแรก), นำลีกในสถิติรีบาวด์ปี 2022, บล็อกสูงสุดในปี 2019 และเคยติด NBA All-Star ติดต่อกัน 3 ปี (2020–2022)
การที่รูดี้ โกแบร์ลงทุนพัฒนาทักษะในช่วงปิดฤดูกาลนี้ ไม่เพียงแค่เป็นความพยายามในการเปลี่ยนแปลงตัวเองเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะปรับตัวให้ทันยุคสมัย เพื่ออยู่ในระดับท็อปของลีกต่อไป หากเขาทำสำเร็จ ไม่เพียงแค่จะเปลี่ยนมุมมองของแฟน ๆ และนักวิเคราะห์ที่มีต่อเขา แต่ยังอาจทำให้ Timberwolves กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งทั้งเกมรุกและเกมรับในฤดูกาลหน้าอย่างแท้จริง
อ่านด้วย :