การเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของ รูเบน อโมริม ถูกมองว่าเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่อย่างแท้จริง กุนซือชาวโปรตุเกสนำปรัชญาฟุตบอลที่ชัดเจนจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน มายังโอลด์ แทรฟฟอร์ด และไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทีมตั้งแต่วันแรก หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างแรงสั่นสะเทือนมากที่สุดคือการ ยกเลิกระบบกองหลังสี่คนแบบดั้งเดิม และหันมาใช้แผน สามเซ็นเตอร์แบ็กพร้อมวิงแบ็กเติมเกมรุก
ในแง่ผลลัพธ์บนกระดาษ ระบบของอโมริมเคยสร้างสถิติที่ดูดีในบางช่วง แต่ในมุมมองของหลายฝ่าย โดยเฉพาะอดีตนักเตะระดับตำนานของสโมสร กลับมองว่าวิธีการเล่นแบบใหม่นี้กำลังทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สูญเสียตัวตนที่สั่งสมมานานหลายทศวรรษ
หนึ่งในเสียงวิจารณ์ที่ดังและรุนแรงที่สุดมาจาก พอล สโคลส์ อดีตกองกลางระดับตำนานของปีศาจแดง ซึ่งออกมาแสดงความไม่พอใจต่อแนวทางของอโมริมอย่างตรงไปตรงมา
สโคลส์ไม่เห็นด้วย: “ยูไนเต็ดต้องกล้าเสี่ยงและสร้างความตื่นเต้น”
พอล สโคลส์ ให้สัมภาษณ์ผ่านพอดแคสต์ The Good, The Bad, The Football โดยระบุชัดว่า ระบบการเล่นของรูเบน อโมริม ไม่สะท้อนปรัชญาและดีเอ็นเอของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เขามองว่า ยูไนเต็ดในอดีตคือทีมที่
-
กล้าเล่น
-
กล้าเสี่ยง
-
และมอบความบันเทิงให้แฟนบอล
ไม่ว่าจะเป็นยุคก่อนหรือหลังเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แฟนบอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดคาดหวังเกมรุกที่ดุดัน ปีกที่กล้าดวลตัวต่อตัว และการยิงประตูที่ทำให้สนามแทบระเบิด
“ผมรู้สึกว่าผู้จัดการทีมไม่เข้าใจสโมสรแห่งนี้เลย” สโคลส์กล่าว
“แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคือเรื่องของความเสี่ยงและความบันเทิง มากกว่าสิ่งอื่นใด แฟนบอลต้องรู้สึกตื่นเต้น ต้องลุ้น ต้องพร้อมลุกขึ้นเชียร์”
เขายังวิจารณ์ว่าสไตล์การเล่นในปัจจุบัน แข็งทื่อและขาดความสร้างสรรค์ ไม่มีปีกที่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ ไม่มีความกล้าที่จะยิงจากระยะไกล และแทบไม่เห็นทักษะเฉพาะตัวที่เคยเป็นจุดขายของทีม
ระบบสามกองหลัง: ปัญหาทางแท็กติกหรือปัญหาเชิงอัตลักษณ์?
สำหรับสโคลส์ ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องแท็กติก แต่เป็นเรื่องของ อัตลักษณ์สโมสร เขาชี้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแทบไม่เคยประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงกับระบบสามกองหลังตลอดประวัติศาสตร์
“ยูไนเต็ดไม่ใช่ทีมแบบนั้น และไม่เคยเป็น”
“ก่อนยุคเซอร์ อเล็กซ์ หรือในยุคของเขา เราใช้ 4-4-2 หรือ 4-4-1-1 มาโดยตลอด มันคือฟุตบอลที่ทำให้คนดูสนุก”
สโคลส์ยอมรับว่าระบบสามกองหลังอาจประสบความสำเร็จกับสปอร์ติ้ง ลิสบอน แต่เขาเชื่ออย่างหนักแน่นว่า ความสำเร็จในโปรตุเกส ไม่สามารถคัดลอกมาใช้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้โดยตรง
คำถามถึงบอร์ดบริหาร: ใครเข้าใจแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจริง ๆ ?
นอกจากอโมริมแล้ว สโคลส์ยังพาดพิงถึงฝ่ายบริหารระดับสูงของสโมสร รวมถึง โอมาร์ เบร์ราดา และ เจสัน วิลค็อกซ์ โดยตั้งคำถามว่าคนเหล่านี้เข้าใจ “ความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” มากน้อยแค่ไหน
เขาไม่ได้ปฏิเสธความสามารถของผู้บริหาร แต่ชี้ว่าความเก่งในเชิงธุรกิจหรือการบริหารสโมสรอื่น ไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจแรงกดดันและวัฒนธรรมของยูไนเต็ด
“พวกเขาอาจเก่งในงานของตัวเอง แต่พวกเขาไม่ใช่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด”
“พวกเขาไม่รู้ว่าการซื้อนักเตะแบบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นอย่างไร หรือการแต่งตั้งผู้จัดการทีมที่เหมาะกับสโมสรนี้ควรเป็นแบบไหน”
คำพูดเหล่านี้สะท้อนความกังวลของแฟนบอลจำนวนมาก ที่มองว่าสโมสรอาจกำลัง หลงทางระหว่างความทันสมัยกับรากเหง้าของตัวเอง
อโมริมควรปรับตัว หรือยูไนเต็ดต้องอดทน?
แม้คำวิจารณ์จะรุนแรง แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งที่มองว่า รูเบน อโมริมยังต้องการเวลาในการปรับทีม นักเตะหลายคนในปัจจุบันถูกสร้างมาเพื่อระบบกองหลังสี่คน และอาจยังไม่เหมาะสมกับโครงสร้างใหม่
คำถามสำคัญคือ
-
อโมริมควรปรับแนวคิดให้เข้ากับสโมสรหรือไม่
-
หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดควรอดทนเพื่อสร้างทีมในแบบที่ผู้จัดการทีมต้องการอย่างแท้จริง
นี่คือทางแยกสำคัญของปีศาจแดงในยุคหลังการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่
บทสรุป: เสียงเตือนจากตำนานที่ไม่ควรมองข้าม
คำพูดของพอล สโคลส์อาจฟังดูรุนแรง แต่ก็สะท้อนความห่วงใยต่อสโมสรที่เขารักมาอย่างยาวนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่ได้เป็นเพียงทีมฟุตบอล แต่เป็นสัญลักษณ์ของสไตล์การเล่น ความกล้า และความบันเทิง
หากระบบใหม่ทำให้สิ่งเหล่านี้เลือนหาย เสียงวิจารณ์ย่อมดังขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไรก็ตาม
คำถามสุดท้ายจึงไม่ใช่แค่ว่า ระบบของรูเบน อโมริมจะได้ผลหรือไม่
แต่คือ มันยังเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่หรือเปล่า