บาร์เซโลน่า (Barcelona) กำลังตกเป็นประเด็นร้อนในวงการฟุตบอลสเปน หลังมีรายงานว่าพวกเขาเตรียมยื่นมือขัดขวางการเรียกตัว ลามีน ยามาล (Lamine Yamal) เข้าสู่ทีมชาติสเปนสำหรับศึกคัดเลือกฟุตบอลโลก 2026 ที่จะพบกับจอร์เจียและบัลแกเรียในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้
ต้นตอของความขัดแย้ง
การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่พอใจของสโมสรที่เห็นว่านักเตะดาวรุ่งวัย 18 ปีรายนี้ต้องเผชิญกับการใช้งานที่เกินกำลังในช่วงพักเบรกทีมชาติก่อนหน้านี้ อาการเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาที่เขาเผชิญไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม และถึงขั้นต้องพึ่งพายาแก้ปวดเพื่อฝืนลงสนาม ซึ่งทำให้อาการบาดเจ็บยิ่งเลวร้ายลง
สื่อคาตาลัน ARA รายงานว่า บาร์เซโลน่าได้วางแผนยื่นปฏิเสธการปล่อยตัว ยามาล เข้าร่วมทัพกระทิงดุในวันที่ 11 และ 14 ตุลาคม ขณะเดียวกัน ฮันซี่ ฟลิค (Hansi Flick) กุนซือบาร์เซโลน่า ยังวางแผนส่งเขาลงเล่นในเกมสำคัญกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเซบีย่า ก่อนแจ้งการตัดสินใจต่อสมาคมฟุตบอลสเปน
ความโกรธของฟลิคต่อการจัดการทีมชาติ
ฟลิคแสดงท่าทีไม่พอใจอย่างชัดเจน เขากล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกมกับบาเลนเซียว่า:
“ลามีน ยามาล ไม่ควรถูกส่งไปเล่นกับทีมชาติ เขายังเจ็บอยู่และไม่ได้ซ้อมเลย แต่กลับถูกบังคับลงสนามโดยใช้ยาแก้ปวด ทั้งที่สเปนนำห่างแล้ว แต่เขายังต้องเล่นเกิน 70 นาที นี่ไม่ใช่วิธีดูแลนักเตะอาชีพที่ถูกต้อง”
ฟลิคย้ำว่าหน้าที่หลักของสโมสรคือการดูแลสุขภาพระยะยาวของนักเตะ ไม่ใช่แค่ผลประโยชน์ชั่วคราว ยิ่งไปกว่านั้น ตารางแข่งขันที่แน่นหนายังสร้างแรงกดดันมหาศาลต่อผู้เล่นวัยรุ่นอย่างยามาล
ผลกระทบต่อบาร์เซโลน่าและประเด็นกว้างขึ้น
การหายไปของยามาลทำให้บาร์ซ่าต้องเผชิญเกมใหญ่โดยไร้หนึ่งในกำลังสำคัญ เขาพลาดลงเล่นถึง 4 นัด รวมถึงเกมเปิดสนามยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกกับนิวคาสเซิล เหตุการณ์นี้ยังจุดกระแสถกเถียงวงกว้างเกี่ยวกับปัญหาการใช้งานนักเตะวัยรุ่นเกินความจำเป็นในระดับสูง
FIFPRO ชี้ความเสี่ยงนักเตะดาวรุ่ง
รายงานล่าสุดของ FIFPRO ยืนยันความกังวลนี้ โดยใช้ยามาลเป็นตัวอย่างชัดเจน นักเตะดาวรุ่งรายนี้ลงสนามไปแล้วถึง 130 นัดก่อนอายุครบ 19 ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าตำนานอย่าง อันเดรส อิเนียสต้า (Andrés Iniesta) ในวัยเดียวกันอย่างมหาศาล
FIFPRO เตือนว่าการลงเล่นอย่างต่อเนื่องในวัยที่ร่างกายยังพัฒนาเต็มที่ อาจนำไปสู่อาการบาดเจ็บเรื้อรังและกระทบเส้นทางอาชีพในระยะยาว
ยามาลยังพิสูจน์คุณค่าแม้เจ็บ
แม้เพิ่งหายเจ็บ ยามาลก็สร้างความแตกต่างทันทีในเกมกับเรอัล โซเซียดาด เมื่อถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองและจ่ายแอสซิสต์ให้โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ทำประตูชัย ก่อนหน้านี้เขาก็โชว์ฟอร์มร้อนแรงในลา ลีกา ด้วยการยิง 2 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์จากเพียง 3 เกมแรก
สถานการณ์ล่าสุดของบาร์ซ่า
บาร์เซโลน่ากำลังอยู่ในเส้นทางที่สดใส พวกเขานำเป็นจ่าฝูงลา ลีกา ด้วย 19 คะแนน นำหน้าเรอัล มาดริดอยู่ 1 แต้ม และยังไม่แพ้ใครในฤดูกาลนี้ ขณะที่สัปดาห์หน้าจะต้องเจอกับบททดสอบหนักทั้งในลีกและแชมเปียนส์ลีก
อ่านด้วย :