อเล็กซานเดอร์ อีแซก กองหน้าคนใหม่ของลิเวอร์พูล ได้ลงสนามเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเกมยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก นัดที่ “หงส์แดง” เอาชนะแอตเลติโก มาดริด 3-2 อย่างดราม่าที่แอนฟิลด์ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ชัยชนะสุดระทึกนี้มาจากประตูชัยในนาทีสุดท้ายของเวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ทำให้ลิเวอร์พูลคว้า 3 คะแนนสำคัญไปครองได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม การเดบิวต์ของอีแซกกลับกลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะการเริ่มต้นในฐานะกองหน้าที่ค่าตัวสูงสุดของทีม อาจไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวัง
ไม่ใช่จุดศูนย์กลางการโจมตีอีกต่อไป
สแตน คอลลี่มอร์ อดีตกองหน้าลิเวอร์พูล ให้ความเห็นว่า อีแซกอาจรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เนื่องจากเขาต้องปรับตัวกับบทบาทที่แตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนต่างรู้ดีว่าใครคือหัวใจสำคัญของแนวรุกลิเวอร์พูล — โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เป็นตัวชี้ขาดและเหตุผลหลักที่ทำให้ทีมมีความเหนือกว่าในเกมรุก
ในขณะที่อีแซกย้ายมาจากนิวคาสเซิล เขามาพร้อมสถานะผู้เล่นตัวหลักที่เน้นการโจมตี ทีมเก่าเกือบทุกบอลในสามส่วนสุดท้ายของสนามจะถูกส่งไปหาเขา
คอลลี่มอร์มองว่านี่คือสาเหตุที่ทำให้อีแซกรู้สึกหงุดหงิด เพราะตอนนี้เขาไม่ได้เป็นลำดับความสำคัญหลักในเกมรุกเหมือนเมื่อก่อน
“เขาอาจรู้สึกหงุดหงิดใน 25 นาทีแรก เพราะแม้ว่าลิเวอร์พูลจะเริ่มเกมได้รวดเร็ว แต่เขาไม่ใช่จุดศูนย์กลางของเกม” คอลลี่มอร์เขียนในบัญชี X ส่วนตัว
ต้องยอมรับบทบาท ‘ผู้เล่นสำรอง’
คอลลี่มอร์เน้นย้ำว่าความเป็นจริงนี้คือสิ่งที่นักเตะใหม่ทุกคนต้องเข้าใจในลิเวอร์พูล ตราบใดที่ซาลาห์ยังอยู่ บทบาทหลักในแนวรุกก็จะเป็นของเขา
แม้ว่าจะเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวสถิติของสโมสร แต่สถานะนี้ก็ไม่สามารถเปลี่ยนลำดับชั้นในทีมได้ อีแซกจึงต้องพร้อมทำหน้าที่สนับสนุนซาลาห์ในทุกสถานการณ์
“ไม่แปลกใจเลยว่าจุดศูนย์กลางอยู่ที่ใคร แต่กองหน้าที่เข้ามาใหม่ในฐานะค่าตัวสูงสุด เมื่อซาลาห์ยังอยู่รอบตัว ต้องยอมรับบทบาท ‘ผู้เล่นสำรอง’”
นั่นหมายความว่าอีแซกต้องใช้ทุกโอกาสที่มีในกรอบเขตโทษให้คุ้มค่า และไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้บอลตลอดเวลาเหมือนเมื่ออยู่ที่นิวคาสเซิล
ปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่น
บทบาทที่เปลี่ยนไปทำให้อีแซกต้องปรับสไตล์การเล่น เขาไม่สามารถลงมาหาบอลหรือเล่นกว้างไปที่ริมเส้นได้บ่อยเหมือนเดิม
คอลลี่มอร์เปรียบเทียบว่า อีแซกต้องเรียนรู้การเป็น “จอมขยับในกรอบเขตโทษ” คล้ายกับที่เออร์ลิง ฮาแลนด์ ทำตอนย้ายไปแมนเชสเตอร์ ซิตี้
“เหมือนกับฮาแลนด์ที่ซิตี้ เขาต้องปรับตัวกับบทบาท ‘จอมขยับในกรอบเขตโทษ’ เพราะทุกทีมที่มาเยือนแอนฟิลด์จะเน้นตั้งรับ”
คอลลี่มอร์สังเกตว่าอีแซกเคยส่งสัญญาณขอบอลถึง 5 ครั้ง ซึ่งในทีมเก่าของเขาจะได้รับบอลเกินครึ่ง แต่ในลิเวอร์พูล โอกาสเหล่านี้อาจไม่เกิดขึ้นเพราะซาลาห์และฟลอเรียน เวิร์ตซ์ จะได้บอลมากกว่า
ต้องใช้เวลาในการสร้างความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีม
สุดท้าย คอลลี่มอร์สรุปว่า นี่คือส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้างความเข้าใจในทีม การสร้างความสัมพันธ์และการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน
กุญแจสำคัญสำหรับอีแซกคือไม่ท้อใจ ต้องเคลื่อนที่อย่างชาญฉลาดแม้ไม่มีบอล ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดแข็งของเขา
“ในที่สุดเขาจะสร้างความเข้าใจกับใครสักคนได้ แต่สิ่งนี้อาจต้องใช้เวลา”
อ่านด้วย :