คีเลียน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappe) กลายเป็นชื่อที่โลกฟุตบอลต้องจับตามองตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 เมื่อเขาแจ้งเกิดอย่างยิ่งใหญ่กับ อาแอส โมนาโก ด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ลีกเอิง (Ligue 1) และสร้างประวัติศาสตร์ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก การระเบิดฟอร์มครั้งนั้นทำให้เอ็มบัปเป้ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่สุดของวงการฟุตบอลยุโรป
ก้าวแรกสู่ความยิ่งใหญ่กับ PSG
หลังจากสร้างชื่อเสียงกับโมนาโกได้เพียงปีเดียว เอ็มบัปเป้ตัดสินใจก้าวกระโดดครั้งสำคัญด้วยการย้ายไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง (PSG) ในปี 2017 ตอนแรกเขาย้ายด้วยสัญญายืมตัว ก่อนที่ PSG จะทุ่มเงินมหาศาลถึง 180 ล้านยูโร เพื่อซื้อขาด ซึ่งในเวลานั้นถือเป็นค่าตัวที่แพงที่สุดอันดับสองของโลก
ตลอด 7 ปีในถิ่นปาร์ก เดส์ แพร็งซ์ เอ็มบัปเป้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ในฝรั่งเศส เขาพาทีมกวาดแชมป์ลีกเอิงหลายสมัย คว้าแชมป์บอลถ้วยภายในประเทศ และทำลายสถิติยิงประตูมากมาย แม้จะยังไปไม่ถึงความฝันในการชูถ้วยแชมเปียนส์ลีก แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเขาคือ “ไอคอน” แห่ง PSG
ย้ายสู่เรอัล มาดริด: ความฝันที่กลายเป็นจริง
ในที่สุด ช่วงซัมเมอร์ปี 2024 เอ็มบัปเป้ก็ได้ทำตามความฝันในวัยเด็ก ด้วยการย้ายร่วมทีม เรอัล มาดริด ทีมในฝันที่เขาเฝ้ารอมานาน การย้ายทีมครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในดีลประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอล เพราะไม่เพียงแค่เป็นการย้ายทีมของนักเตะระดับโลก แต่ยังเป็นการเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของเขาในลาลีกา
สโมสรที่เคยพยายามคว้าตัวเอ็มบัปเป้
แม้สุดท้ายเขาจะเลือก PSG และต่อมาคือมาดริด แต่เบื้องหลังยังมีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ที่เคยพยายามทาบทามเขา หนึ่งในนั้นคือ บาเยิร์น มิวนิก, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ อาร์บี ไลป์ซิก ซึ่งต่างก็เคยยื่นความสนใจจริงจังในช่วงที่เขาเพิ่งแจ้งเกิดกับโมนาโก
เอ็มบัปเป้เล่าย้อนความหลังว่า:
“หลายสโมสรมาหาผมตั้งแต่ยังเด็ก บาเยิร์นเคยติดต่อมา ตอนนั้นผมยังมีโอกาสย้ายออกจากโมนาโก ดอร์ทมุนด์ก็ถามถึงสถานการณ์ และไลป์ซิกด้วย นั่นคือสามทีมที่ผมจำได้ แต่ก็อาจมีทีมอื่นที่ผมลืมไป”
ข้อเสนอเหล่านั้นแม้จะน่าสนใจ แต่ไม่อาจเทียบกับ PSG ที่พร้อมทุ่มทุนและให้โอกาสเขาเป็นศูนย์กลางของทีม การตัดสินใจครั้งนั้นจึงเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้เอ็มบัปเป้กลายเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลกทุกวันนี้
มุกขำ ๆ ของเอ็มบัปเป้เกี่ยวกับการย้ายทีม
ปัจจุบันในฐานะผู้เล่นของเรอัล มาดริด เอ็มบัปเป้ยังคงตกเป็นข่าวลือการย้ายทีมอยู่เสมอ เจ้าตัวถึงกับพูดติดตลกว่า “ตอนนี้ทุกทีมคงอยากได้ผม แต่ก็คงสายไปแล้ว” คำพูดนี้สะท้อนให้เห็นว่าข่าวลือการซื้อขายแทบจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
อย่างไรก็ตาม เอ็มบัปเป้ยืนยันว่าเส้นทางของเขาในตอนนี้ชัดเจนแล้ว เขาต้องการพาเรอัล มาดริดไล่ล่าความสำเร็จใหม่ ๆ และลุ้นคว้าถ้วยรางวัลใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาประดับเกียรติยศส่วนตัวและประวัติศาสตร์สโมสร
จากเด็กหนุ่มที่แจ้งเกิดกับโมนาโก กลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ PSG และปัจจุบันสานฝันกับเรอัล มาดริด เรื่องราวการเดินทางของคีเลียน เอ็มบัปเป้เต็มไปด้วยสีสันและความท้าทาย และหากย้อนมองกลับไป เขาอาจเคยเกือบได้ใส่เสื้อทีมอื่นอย่างบาเยิร์นหรือดอร์ทมุนด์ แต่ในที่สุดเส้นทางที่เขาเลือกก็พาเขาสู่การเป็นหนึ่งในนักเตะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน
อ่านด้วย :