สถานการณ์นอกสนามถูกมองว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดที่ Ruben Amorim ต้องเร่งแก้ไข หากต้องการพา Manchester United ไต่ขึ้นสู่ตำแหน่งที่เหมาะสมบนตารางพรีเมียร์ลีก
มุมมองดังกล่าวมาจาก Keith Wyness อดีตซีอีโอของ Everton, Aston Villa และ Aberdeen ซึ่งประเมินว่า อโมริมกำลังทำงานอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของสโมสรที่ยังขาดเสถียรภาพ
ความไม่มั่นคงที่ยังคงรายล้อมโอลด์ แทรฟฟอร์ด
ในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Football Insider วินเนสส์ระบุชัดว่า ตั้งแต่วันที่อโมริมเข้ามารับงานกับปีศาจแดง เขาต้องเผชิญกับ “ความไม่มั่นคง” ทั้งในและนอกสนาม สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนออกมาผ่านผลงานที่ยังขาดความสม่ำเสมอ รวมถึงเกมล่าสุดที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอแบบสุดมัน 4-4 กับ AFC Bournemouth
แม้ผลการแข่งขันจะยังไม่นิ่ง แต่ในเชิงตัวเลข ยูไนเต็ดอยู่ห่างจากโซนท็อปโฟร์เพียงสองคะแนนเท่านั้น ทำให้โอกาสลุ้นพื้นที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกยังคงเปิดกว้าง หากทีมสามารถรักษามาตรฐานการเล่นได้อย่างต่อเนื่อง
ประเด็นภายในทีมเริ่มถูกจับตามองมากขึ้น
แรงกดดันไม่ได้มาจากผลงานในสนามเพียงอย่างเดียว เมื่อ Bruno Fernandes ออกมาเปิดเผยว่า สโมสรเคยพยายามปล่อยตัวเขาออกจากทีมในช่วงตลาดซื้อขายฤดูร้อนที่ผ่านมา กองกลางกัปตันทีมชาวโปรตุเกสยืนยันว่า เขาเลือกอยู่ต่อเพราะความผูกพันและความรักที่มีต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวทำให้คำถามเกี่ยวกับทิศทางของสโมสรกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่อโมริมกำลังพยายามสร้างโครงสร้างทีมตามแนวคิดของตัวเอง
งานนอกสนามที่ซับซ้อนกว่าด้านแท็กติก
วินเนสส์มองว่า สิ่งที่อโมริมต้องรับมือในตอนนี้ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจัดการแท็กติกหรือการเลือกผู้เล่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหานอกสนามที่ซ้อนทับกันหลายชั้น
อดีตผู้บริหารเอฟเวอร์ตัน ซึ่งปัจจุบันบริหารบริษัทที่ปรึกษาด้านฟุตบอลสำหรับสโมสรระดับท็อป เปิดเผยว่า มีข่าวลือว่าอโมริมกำลังพิจารณาปรับเปลี่ยนระบบการเล่น ซึ่งอาจยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนให้กับทีม
ในการพูดคุยผ่านพอดแคสต์ “Inside Track” ของ Football Insider วินเนสส์ตั้งคำถามว่า อโมริมจะเลือกโฟกัสจุดใดเป็นลำดับถัดไปในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม
“เขาปรับปรุงเกมรุกแล้ว ปัญหาก็ไปโผล่ที่แนวรับ เขาคิดว่าแก้ตำแหน่งผู้รักษาประตูได้แล้ว แต่สุดท้ายก็ยังไม่ชัดเจน แดนกลางจริงๆ ถือว่าใช้ได้” วินเนสส์กล่าว
ดราม่าซ้อนดราม่า สะท้อนภาพรวมของสโมสร
วินเนสส์ยังยกตัวอย่างประเด็นอื่นที่สะท้อนความวุ่นวายภายในทีม ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ของบรูโน แฟร์นันด์ส ซึ่งเขาเปรียบเทียบว่าคล้ายกับกรณีของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในอดีต ที่เคยถูกตั้งคำถามว่าสโมสรต้องการปล่อยตัวหรือไม่
นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่ญาติของ Kobbie Mainoo ปรากฏตัวในสนามพร้อมสวมเสื้อที่มีข้อความเรียกร้อง “Free Kobbie Mainoo” ระหว่างเกมกับบอร์นมัธ ซึ่งยิ่งตอกย้ำแรงกดดันที่รายล้อมทีมชุดใหญ่
“สirkus แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ในมุมมองวินเนสส์
อดีตผู้บริหารรายนี้ไม่ลังเลที่จะเรียกสถานการณ์ทั้งหมดว่าเป็น “สirkus ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” พร้อมย้ำว่า อโมริมจำเป็นต้องตัดเสียงรบกวนรอบด้าน และโฟกัสไปที่การสร้างความสม่ำเสมอในสนามให้ได้ก่อน
“ข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนระบบอาจทำให้ทีมยิ่งไร้เสถียรภาพ ผมไม่แน่ใจว่าเขาจะทำจริงหรือไม่ แต่ถ้าเกิดขึ้น มันจะเพิ่มความไม่แน่นอนเข้าไปอีก สิ่งที่ทีมต้องการมากที่สุดตอนนี้คือความคงเส้นคงวา ซึ่งยังขาดอยู่มาก” วินเนสส์กล่าว
แรงกดดันจากเป้าหมายยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก
นอกเหนือจากประเด็นภายในทีม อโมริมยังต้องเผชิญแรงกดดันด้านผลงาน หลังรายงานทางการเงินล่าสุดของสโมสรชี้ชัดว่า การคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในฤดูกาลหน้าเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างยิ่ง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังอาจต้องปล่อยผู้เล่นสำรองหลายรายออกจากทีมเพื่อลดภาระทางการเงิน โดยมีรายงานว่า Marcus Rashford มีโอกาสอยู่กับ Barcelona ต่อ หลังหมดสัญญายืมตัวในช่วงซัมเมอร์หน้า
สัญญาณบวกเริ่มปรากฏในสนาม
แม้เสียงวิจารณ์จะดังรอบทิศ แต่ในมุมของผลงาน อโมริมเริ่มแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการบางอย่าง เมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจบถึงอันดับ 15 ของลีก
การขยับขึ้นมาใกล้โซนหัวตาราง แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ถือเป็นสัญญาณว่าแนวคิดของกุนซือชาวโปรตุเกสเริ่มส่งผล หากเขาสามารถจัดการ “สirkus” นอกสนามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสม่ำเสมอที่ทุกฝ่ายรอคอยอาจไม่ไกลเกินเอื้อม