มิเกล อาร์เตตา เชื่อมั่นว่าอาร์เซนอลในฤดูกาลนี้ก้าวขึ้นสู่ “อีกระดับ” เมื่อเทียบกับช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความลึกของขุมกำลังที่มากขึ้น ผสานกับความเป็นผู้ใหญ่ของนักเตะ คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เดอะ กันเนอร์ส กลับมาลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างจริงจังอีกครั้ง หลังจากรอคอยมานานกว่า 22 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการทีมชาวสเปนย้ำชัดว่า ความก้าวหน้าทั้งหมดจะยังไม่เพียงพอ หากอาร์เซนอลไม่เติมเต็ม “หนึ่งสิ่งสำคัญ” เพื่อปิดฉากการรอคอยถ้วยแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษ
นับตั้งแต่ลงเล่นบนเวทีสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษครั้งแรกในปี 1919 อาร์เซนอลไม่เคยต้องรอคอยแชมป์ลีกยาวนานเท่านี้มาก่อน โดยแชมป์ลีกครั้งล่าสุดของพวกเขาเกิดขึ้นในฤดูกาล 2003/2004 ยุคไร้พ่ายอันเลื่องชื่อ
ใกล้แชมป์หลายครั้ง แต่ยังไม่ถึงเส้นชัย
ในช่วงสามฤดูกาลหลังสุด อาร์เซนอลเข้าใกล้ความสำเร็จอย่างมาก แต่ยังไปไม่ถึงจุดหมาย พวกเขาจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์ในฤดูกาล 2022/23, 2023/24 และ 2024/25 ติดต่อกัน กลายเป็นความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับทั้งนักเตะและแฟนบอล
กระนั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาลปัจจุบัน ทีมชุดที่อาร์เตตามักเรียกว่า “Class of ’26” กลับขึ้นนำเป็นจ่าฝูงของตารางคะแนน สะท้อนถึงความสม่ำเสมอและศักยภาพที่พัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน
“เราก้าวขึ้นมาอีกระดับในฤดูกาลนี้” อาร์เตตา กล่าวกับ TNT Sports
“ฤดูกาลที่แล้ว ในหลายช่วงเวลา เรามีนักเตะเอาต์ฟิลด์ที่แข่งขันเพื่อตำแหน่งจริง ๆ แค่ 13 หรือ 14 คน นั่นไม่เพียงพอสำหรับการลุ้นแชมป์”
ความลึกของขุมกำลังคือกุญแจสำคัญ
อาร์เตตาอธิบายว่า การเพิ่มจำนวนผู้เล่น รวมถึงคุณภาพและความยืดหยุ่นของทีม คือความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนที่สุด อาร์เซนอลเติมเต็มองค์ประกอบที่ไม่เคยมีมาก่อน และนักเตะใหม่ก็ปรับตัวเข้ากับระบบได้อย่างรวดเร็ว
“เรานำองค์ประกอบใหม่เข้ามา สิ่งที่ทีมไม่เคยมีมาก่อน และมันสามารถผสานกันได้อย่างทรงพลังมาก นักเตะเหล่านี้ปรับตัวได้ดีมากจริง ๆ” กุนซือวัย 43 ปี กล่าว
การเสริมทัพครั้งใหญ่และผลกระทบในสนาม
ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ อาร์เซนอลทุ่มเงินราว 272.5 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าผู้เล่นใหม่ถึง 7 ราย เสริมความแข็งแกร่งในแทบทุกตำแหน่งของสนาม
นอกจากนี้ ปิเอโร ฮินคาปิเอ ยังย้ายมาด้วยสัญญายืมตัว พร้อมออปชันซื้อขาดมูลค่า 45 ล้านปอนด์ในปีหน้า การมาของเขา รวมถึง คริสเตียน มอสเกรา ช่วยแก้ปัญหาอาการบาดเจ็บในแนวรับได้อย่างมีนัยสำคัญ
แดนกลางได้แรงเสริมสำคัญจาก มาร์ติน ซูบิเมนดี ซึ่งเข้ามาเพิ่มความแข็งแกร่งและการคุมจังหวะเกม ขณะที่แนวรุก อาร์เซนอลมีหมายเลข 9 ตัวจริงเสียทีจากการมาของ วิคตอร์ โยเคเรส แม้ผลงานการทำประตูจะยังไม่ร้อนแรงเท่าสมัยอยู่กับสปอร์ติ้ง ลิสบอน
ความคิดสร้างสรรค์ในเกมรุกยังเพิ่มขึ้นจาก เอเบเรชี เอเซ และ โนนี มาดูเอเก ทำให้เกมรุกของทีมมีมิติมากขึ้น
การเติบโตของแกนหลักเดิม
อาร์เตตาย้ำว่า ไม่ใช่แค่นักเตะใหม่เท่านั้นที่สร้างความแตกต่าง แต่การพัฒนาของผู้เล่นชุดเดิมก็มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน ความผิดหวังจากการพลาดแชมป์หลายครั้ง กลายเป็นบทเรียนล้ำค่าที่หล่อหลอมความเป็นผู้ใหญ่ของทีม
“คุณสามารถเห็นได้จากวิธีที่ทีมแข่งขัน และวิธีที่นักเตะเติบโตและมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา” อาร์เตตากล่าว
เขายกตัวอย่างนักเตะอย่าง บูกาโย ซากา, กาเบรียล มาร์ติเนลลี, วิลเลียม ซาลิบา, กาเบรียล มากัลเญส และ เยอร์เรียน ทิมเบอร์ ที่แม้อายุยังไม่มาก แต่ผ่านเกมระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง
มาตรฐานแชมป์ต้องเกือบสมบูรณ์แบบ
แม้ภายใต้การคุมทีมของอาร์เตตา อาร์เซนอลจะทำผลงานในลีกได้สม่ำเสมอที่สุดในรอบกว่า 20 ปี และกลับไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก หลังห่างหายไปถึง 6 ฤดูกาล แต่สำหรับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก นั้นต้องการมาตรฐานที่แทบไร้ที่ติ
“ในฤดูกาล 2023/24 เราทำประตูได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เสียประตูน้อยที่สุด เก็บคลีนชีตได้มากที่สุด และชนะมากที่สุด แต่เรายังไม่คว้าแชมป์ลีก” อาร์เตตาอธิบาย
“นี่คือระดับของการแข่งขัน ดังนั้นเกือบทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ หากคุณต้องการมีโอกาสเป็นแชมป์”
หนึ่งสิ่งที่อาร์เซนอลต้องรักษาไว้
อาร์เตตาทิ้งท้ายว่า ฤดูกาลนี้อาร์เซนอลยังคงสร้างตัวเลขที่แข็งแกร่งในทุกด้าน แต่ความท้าทายที่แท้จริง คือการรักษามาตรฐานนั้นให้ได้ตลอดอีกหกเดือนข้างหน้า
สำหรับอาร์เซนอล การยุติการรอคอยแชมป์พรีเมียร์ลีกที่ยาวนาน อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใด ๆ อีกแล้ว หากแต่อยู่ที่การรักษาความสมบูรณ์แบบในทุกรายละเอียด ซึ่งเป็น “หนึ่งสิ่ง” ที่อาร์เตตาต้องการมากที่สุดในเส้นทางสู่ความสำเร็จ