ศึก แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2025 กลายเป็นฝันร้ายของแฟนบอล “ปีศาจแดง” เมื่อทีมรักต้องพ่ายแพ้อย่างย่อยยับต่อคู่ปรับร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 0-3 ส่งผลให้สถานการณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อาโมริม ยิ่งสั่นคลอนหนักขึ้นไปอีก
แม้จะเล่นในบ้านต่อหน้าแฟนบอลกว่า 70,000 คน แต่ ยูไนเต็ด กลับไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของเกมที่ชัดเจน ทั้งในเกมรุกและเกมรับ ขณะที่ ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา โชว์ความเหนือชั้นเกือบตลอด 90 นาที
ฮาแลนด์–โฟเดน สุดโหด ซิตี้เหนือกว่าทุกมิติ
เกมนี้ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ระเบิดฟอร์มสุดร้อนแรงเหมาคนเดียว 2 ประตู บวกกับอีกหนึ่งลูกจาก ฟิล โฟเดน ส่งผลให้ซิตี้เก็บชัยชนะกลับไปอย่างสบายมือ พร้อมตอกย้ำว่าพวกเขายังอยู่เหนือคู่ปรับร่วมเมืองทั้งในเรื่องคุณภาพทีมและระบบการเล่น
ชัยชนะครั้งนี้ยังช่วยหยุดสถิติเลวร้ายของ “เรือใบสีฟ้า” หลังพลาดท่าพ่ายต่อไบรท์ตันและสเปอร์สในสองนัดก่อนหน้า พร้อมคืนความมั่นใจกลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
3 กองหลังของอาโมริม กลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรง
การเลือกใช้ระบบ 3-4-2-1 ของอาโมริม กลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนมาทำร้ายทีมเอง แทนที่จะทำให้เกมรับแน่นหนา แต่กลับเปิดช่องโหว่มากมายให้คู่แข่งโจมตี
-
การยืนตำแหน่งของกองหลังสามคนไม่เป็นระบบ
-
ปีกและวิงแบ็กไม่สามารถช่วยซ้อนกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
ทำให้ฟิล โฟเดนสามารถหาพื้นที่และทำประตูได้ง่ายดาย
ที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันจังหวะเข้าทำของฮาแลนด์ที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณ เขาใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดในการประกบตัว ยิงสองประตูที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าโครงสร้างเกมรับของยูไนเต็ดในระบบนี้ยังห่างไกลจากคำว่าน่าเชื่อถือ
ศูนย์หน้าถูกตัดขาด ไร้โอกาสทำประตู
อีกหนึ่งปัญหาที่ชัดเจนคือการทำให้ศูนย์หน้าตัวเป้าแทบไม่มีบทบาทในเกมรุก เมื่อปีกสองข้างและกองกลางไม่สามารถเชื่อมต่อบอลไปข้างหน้าได้ ทำให้กองหน้าถูกโดดเดี่ยว ไม่ต่างอะไรกับการถูกตัดออกจากเกม
ร็อบบี้ ซาเวจ อดีตกองกลางทีมชาติเวลส์ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่นักวิเคราะห์ฟุตบอลใน BBC Sport แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า
“ตราบใดที่ยูไนเต็ดยังใช้ระบบนี้ กองหน้าตัวเป้าแทบไม่มีโอกาสยิงประตูเลย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คุณภาพนักเตะ แต่ปัญหาคือระบบการเล่นที่บีบให้พวกเขาเล่นยากเกินไป”
ซาเวจ จวกหนัก: “ระบบนี้ล้มเหลวแล้ว”
ซาเวจยังย้ำด้วยว่าอาโมริมต้องกล้าตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อปรับแท็กติก ก่อนที่สถานการณ์ของยูไนเต็ดจะย่ำแย่ไปมากกว่านี้
“ผมเข้าใจว่าทำไมเขาถึงอยากลองใช้ แต่ถึงเวลาแล้วที่ต้องยอมรับความจริงว่ามันไม่เวิร์กเลย ไม่ว่าจะ 3-4-2-1 หรือ 3-4-3 ก็ตาม ผลลัพธ์ก็ยังล้มเหลว ผู้จัดการทีมที่ดีต้องกล้าปรับเปลี่ยนเมื่อสิ่งที่ทำอยู่ไม่สร้างผลลัพธ์”
คำวิจารณ์เหล่านี้สะท้อนถึงความกดดันที่กำลังถาโถมใส่อาโมริม เพราะยูไนเต็ดเก็บได้เพียง 4 คะแนนจาก 4 นัดแรกในพรีเมียร์ลีก และยังไม่แสดงให้เห็นถึงทิศทางที่ชัดเจนในการพัฒนาทีม
ความพ่ายแพ้ 0-3 ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ใช่เพียงการเสียแต้มในเกมดาร์บี้ แต่เป็นสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าแผนการสร้างทีมของอาโมริมกำลังเผชิญปัญหาใหญ่ หากไม่เร่งแก้ไขเรื่องระบบการเล่นและเสริมความแข็งแกร่งทั้งเกมรับและเกมรุก อนาคตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้อาจเต็มไปด้วยความยากลำบากมากยิ่งขึ้น
อ่านด้วย :