ข่าวลือการย้ายทีมที่น่าตื่นตาตื่นใจได้แพร่สะพัดออกมาจากอังกฤษ เมื่อมีรายงานว่าผู้รักษาประตูแชมป์โลกชาวอาร์เจนตินา เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ แสดงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะย้ายไปร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์นี้
แม้การตัดสินใจดังกล่าวอาจดูน่าประหลาดใจเมื่อพิจารณาจากผลงานของทั้งสองทีมในฤดูกาล 2024/25 ที่ผ่านมา โดยที่แมนฯ ยูไนเต็ดจบฤดูกาลในอันดับที่ 15 ของพรีเมียร์ลีก ขณะที่แอสตัน วิลล่าของมาร์ติเนซคว้าตำแหน่งที่ 6 และได้ตั๋วลุยยุโรป ทว่ามือกาววัย 32 ปีรายนี้กลับมีเป้าหมายที่ชัดเจน – นั่นคือการเป็นส่วนหนึ่งในโปรเจกต์ฟื้นฟูความยิ่งใหญ่ของ “ปีศาจแดง”
ทำไมมาร์ติเนซถึงอยากย้าย? ความมุ่งมั่นที่มากกว่าแค่ชื่อเสียง
ตามรายงานจาก The Sun มาร์ติเนซมองว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และเขาต้องการเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมกลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อทีมกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านภายใต้การคุมทัพของ รูเบน อาโมริม ผู้จัดการทีมคนใหม่
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของเขากับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เพื่อนร่วมทีมชาติอาร์เจนตินาและเซ็นเตอร์แบ็คของแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้มาร์ติเนซยิ่งต้องการย้ายมาร่วมงานกันในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
“เอมีเป็นเพื่อนสนิทกับลิซานโดร มาร์ติเนซ และเขาต้องการย้ายทีมอย่างจริงจัง” แหล่งข่าววงในเปิดเผย
“เขาถึงขั้นปฏิเสธข้อเสนอจากสโมสรใหญ่หลายแห่งเพื่อรักษาความเป็นไปได้ที่จะได้ย้ายไปแมนฯ ยูไนเต็ด”
อาโมริมตอบรับด้วยรอยยิ้ม: ย้อนรอยความสนใจในตัวมาร์ติเนซ
ฝั่งของ รูเบน อาโมริม เองก็ไม่ได้ปิดประตูต้อนรับนายทวารมากประสบการณ์รายนี้เลยแม้แต่น้อย โดยมีรายงานว่ากุนซือชาวโปรตุเกสเคยพยายามคว้าตัวมาร์ติเนซมาตั้งแต่ปี 2020 ขณะยังคุมทัพสปอร์ติง ลิสบอน แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับข้อเสนอของแอสตัน วิลล่า
อาโมริมมีแนวทางการสร้างทีมที่ชัดเจนในช่วงหน้าร้อนนี้ – นั่นคือเสริมแกร่งด้วยนักเตะที่มีภาวะผู้นำและบุคลิกแชมป์ และ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ก็เข้าข่ายแบบไม่มีข้อสงสัย
“รูเบนเป็นแฟนตัวยงของมาร์ติเนซ เขาพยายามเซ็นเขาในปี 2020 แล้วแต่พลาดให้กับวิลล่า” แหล่งข่าวกล่าว
“เขาต้องการเติมเต็มทีมด้วยนักเตะประเภทหัวหน้าทีม และเอมีคือคนที่เหมาะสมที่สุดในลักษณะนั้น”
แมนยูควรคว้าโอกาสนี้ไว้หรือไม่?
แม้จะอยู่ในช่วงฟอร์มตกเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ด้วยประสบการณ์ในระดับนานาชาติ, ความเป็นผู้นำในสนาม และทัศนคติไม่ยอมแพ้ ทำให้เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซเป็นมากกว่าแค่ผู้รักษาประตู เขาคือหนึ่งในตัวจุดไฟให้ห้องแต่งตัวและเป็นแรงผลักดันให้ทีมไปข้างหน้า
หากการย้ายทีมครั้งนี้เกิดขึ้นจริง ก็อาจเป็นดีลที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทั้งตัวผู้เล่นและสโมสรไปพร้อมกัน และอาจเป็นกุญแจสำคัญในการคืนชีพปีศาจแดงให้กลับมายิ่งใหญ่ในเวทียุโรปอีกครั้ง
