ในช่วงตลาดนักบาสเกตบอลเสรี (Free Agency) ที่จะมาถึง คริส พอล (Chris Paul) มีแนวโน้มสูงที่จะอำลาซานอันโตนิโอ สเปอร์ส และเปิดตัวกับต้นสังกัดใหม่อย่าง ดัลลัส แมฟเวอริกส์ เพื่อรับบทบาทการ์ดจ่าย (Point Guard) หลักของทีม ในช่วงที่ ไครี่ เออร์วิง (Kyrie Irving) กำลังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ACL
แม้จะอายุแตะหลัก 40 ปีในฤดูกาลหน้า แต่ คริส พอล ยังคงเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงและมีบทบาทสำคัญในเกม โดยฤดูกาล 2024-25 กับสเปอร์ส เขายังคงทำผลงานได้ดี ด้วยค่าเฉลี่ย 8.8 คะแนน, 7.4 แอสซิสต์, 3.6 รีบาวด์ และ 1.3 สตีลต่อเกม พร้อมกับเปอร์เซ็นต์การชู้ตสามแต้มที่ 37.7% ซึ่งถือว่ายอดเยี่ยมสำหรับผู้เล่นในช่วงปลายอาชีพ
ดัลลัส แมฟเวอริกส์ กับบทใหม่หลังปล่อยดอนซิช
ฤดูกาลที่แล้วถือเป็นช่วงเวลาที่วุ่นวายสำหรับแมฟเวอริกส์ หลังจากที่ตัดสินใจปล่อยดาวดังอย่าง ลูก้า ดอนซิช (Luka Doncic) ให้กับลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส ก่อนเส้นตายการเทรด เหล่าแฟนบอลต่างแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรงถึงขนาดตะโกน “ไล่นิโก้” หมายถึงผู้บริหาร นิโก้ แฮร์ริสัน (Nico Harrison) ตลอดช่วงปลายฤดูกาล
แต่โชคชะตากลับเล่นตลกในทางดี เพราะแมฟเวอริกส์คว้า “ดราฟต์อันดับ 1” ใน NBA Draft ปีนี้ ทั้งที่มีโอกาสเพียง 1.8% เท่านั้น ซึ่งทีมมีแผนใช้สิทธิ์นี้เลือก คูเปอร์ แฟลกก์ (Cooper Flagg) ดาวรุ่งจาก Duke Blue Devils ที่ได้รับการจับตามองว่าอาจเป็นผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์คนถัดไป
สามประสานความหวัง: คูเปอร์ แฟลกก์ – คริส พอล – แอนโธนี เดวิส
ทาง เข้า sbotop คอมพิวเตอร์ – หากดีล คริส พอล เกิดขึ้นจริง และแฟลกก์ถูกเลือกเป็นอันดับ 1 ตามคาด แมฟเวอริกส์จะมีผู้เล่นแกนหลักถึงสามคนคือ คูเปอร์ แฟลกก์, แอนโธนี เดวิส (Anthony Davis) และ ไครี่ เออร์วิง (เมื่อหายเจ็บ) ซึ่งถือเป็นทีมที่มีศักยภาพจะกลับมาท้าทายแชมป์ได้อีกครั้ง
ทั้งนี้ คริส พอล จะเข้ามารับหน้าที่แทนเออร์วิงในช่วงต้นฤดูกาล เนื่องจากเจ้าตัวยังต้องพักฟื้นยาวจากอาการเอ็นไขว้หน้าฉีกขาด (ACL) ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ทำไมคริส พอลจึงเหมาะกับแมฟเวอริกส์?
ตามรายงานของนักเขียนสาย NBA อย่าง อีริก พินคัส (Eric Pincus) จาก Bleacher Report ระบุว่า พอลอาจไม่ใช่ตัวเลือกแรกของสเปอร์สอีกต่อไป เพราะทีมมีผู้เล่นดาวรุ่งอย่าง เดอาารอน ฟอกซ์, สเตฟอน แคสเซิล และดีแลน ฮาร์เปอร์ กำลังเติบโตในตำแหน่งเดียวกัน ทำให้โอกาสลงสนามของพอลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
การย้ายไปแมฟเวอริกส์จึงเป็นโอกาสใหม่ที่ให้พอลได้ลงสนามอย่างสม่ำเสมอ พร้อมใช้ประสบการณ์อันโชกโชนของเขาช่วยสร้างทีมให้มั่นคงอีกครั้ง ซึ่งเหมาะสมกับภารกิจสร้างทีมใหม่หลังยุคดอนซิช
ประสบการณ์คืออาวุธลับ
แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่เร็วหรือพละกำลังโดดเด่นเหมือนตอนวัยหนุ่ม แต่ความฉลาดในการอ่านเกม การวางแผน และการคุมจังหวะของ คริส พอล ยังถือเป็นหนึ่งในระดับแนวหน้า NBA โดยเฉพาะในช่วงสำคัญของเกม (Clutch Time)
เขาอาจไม่จำเป็นต้องลงเล่น 35 นาทีต่อเกม แต่เพียง 20-25 นาทีในช่วงที่เหมาะสมก็สามารถเปลี่ยนเกมได้อย่างมีนัยสำคัญ
อ่านด้วย :
